ที่มา ข่าวสด
วงค์ ตาวัน
เป็นดัชนีชี้วัดที่ชัดเจน เมื่อรัฐบาลเพลี่ยงพล้ำในเหตุการณ์ 10 เม.ย. สั่งทหารเข้าปะทะม็อบในยามวิกาล ทำให้มือที่สามเข้าแทรก จุดชนวนจนชาวบ้านล้มตายไปกว่า 20 ชีวิต ทำเอาสถานะของนายกฯอภิสิทธิ์ค่อนข้างร่อแร่
จึงนำมาสู่การตั้งข้อสังเกตที่ว่า ข้าราชการทุกส่วนใส่เกียร์ว่าง
โดยเฉพาะหน่วยงานหลักคือทหารและตำรวจ
แต่ข้อกล่าวหาเกียร์ว่าง ต้องแยกแยะ
ไม่ใช่เอาข้อหานี้มากดดันทหารและตำรวจ เพื่อให้ไล่ทุบตีม็อบอย่างบ้าคลั่ง
นั่นจะทำให้เลือดนองแผ่นดิน เป็นการเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่เพียงแต่คิดและเชื่อต่างจากรัฐ
ทหารและตำรวจ ส่วนหนึ่งคงเกียร์ว่างจริง เมื่อเห็นรัฐบาลเปื้อนเลือดแล้ว คงไปได้ไม่ไกลแน่ ก็รีบตีตัวออกห่าง!?
แต่ทหาร-ตำรวจอีกส่วน ยังทำงานจริงจัง เพียงแต่ไม่ถวายตัวรับใช้รัฐบาลอย่างไร้เหตุผล
ยังทำงานอย่างเข้มแข็ง ในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐผู้รับใช้ประชาชน ไม่ใช่ผู้รับใช้นักการเมือง
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.เป็นบุคคลหนึ่ง ซึ่งกองเชียร์นายกฯ โจมตีว่าเกียร์ว่าง
คงเพราะพล.อ.อนุพงษ์ พูดว่าปัญหาการเมืองต้องแก้ที่การเมือง เห็นควรต้องยุบสภา
เท่านั้นแหละ เลยไม่พอใจ!
ตั้งสติทบทวนความรู้สึกนึกคิดกันหน่อย ระหว่างรักนายกฯ กับการทำให้บ้านเมืองตกอยู่ภายใต้การใช้อำนาจรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้อำนาจกองทัพเพื่อปกปักรัฐบาล ถึงขั้นมีทหาร รถหุ้มเกราะ รถถัง อยู่บนท้องถนนทั่วเมือง
หมดสิ้นบรรยากาศเสรีภาพ ประชาธิปไตย
คุ้มค่าหรือไม่
แทนที่จะดีใจ เมื่อผู้นำกองทัพยังเข้าใจหลักประชาธิปไตย
เข้าใจมากกว่าบางกลุ่มบางองค์กรทางการเมืองเสียอีก!
หันไปมองด้านตำรวจ ซึ่งถูกข้อหาเกียร์ว่างเช่นเดียวกัน
เข้าใจได้ไม่ยาก เพราะนายกฯ ทำให้เดี้ยงคามือตัวเอง เมื่อไม่สามารถตั้งผบ.ตร.ได้ แล้วจะให้รักษาการผบ.ตร.ไปบัญชาการตำรวจในยามหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ได้อย่างไร
ขวัญกำลังใจตำรวจหมดสิ้นไปก่อนหน้านี้แล้ว เพราะรัฐบาลนี้ตัดทั้งงบฯเบี้ยเลี้ยง ตัดทั้งงบฯน้ำมันสำหรับสายตรวจทุกโรงพัก
แต่ครั้นจะไปว่าพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ ใส่เกียร์ว่าง คงไม่ถูกต้องนัก
จริงๆ คือไม่มีเกียร์เลย!
เพื่อไทย
Wednesday, April 21, 2010
เกียร์ว่าง
คอลัมน์ ชกไม่มีมุม