ที่มา ไทยรัฐ
เป็นข่าวเกี่ยวกับ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว ที่ห้าแยกลาดพร้าว นี่แหละครับ
คงจะจำกันได้ว่า ศูนย์การค้าแห่งนี้ออกประกาศที่จะปิดตัวเองเพื่อการซ่อมและปรับปรุง ตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน เป็นต้นไป
ก่อนปิดมีการลดราคา มีการขายเลหลังกันอย่างขนานใหญ่ จนผู้คนแห่แหนไปซื้อข้าวของจนรถติดขัดแน่นเอี้ยด ตั้งแต่บ่ายๆไปจนถึง 2 ทุ่ม 3 ทุ่ม
แต่จากข่าวย่อยชิ้นที่ว่านี้ ทำให้ทราบว่า บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด ซึ่งเป็นผู้บริหารศูนย์การค้าแห่งนี้ตัดสินใจยืดเวลาปิดออกไปอีกระยะหนึ่งจนถึงวันที่ 6 พฤษภาคม
ด้วยเหตุผลสั้นๆว่า เนื่องจากมีลูกค้ามาใช้บริการจำนวนมาก ทางคณะผู้บริหารฯจึงเห็นควรให้เลื่อนออกไป จนถึงวันดังกล่าว
ท่านผู้อ่านที่ยังไม่ทราบก็ขอได้โปรดทราบด้วยนะครับ เผื่อจะแวะไปอุดหนุน หรือไปตากแอร์แก้ร้อนก็เชิญได้เลย
ผมขอเรียนไว้ ณ ที่นี่ว่าผมไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับผู้บริหารของ ห้างเซ็นทรัลเป็นการส่วนตัว นอกเสียจากเป็นคนไทยด้วยกัน
ตลอดเวลาที่ห้างเซ็นทรัลเจริญเติบโต ตั้งแต่เป็นห้างคูหาเดียว หน้าไปรษณีย์ กลางบางรัก จนมาเป็นห้างเซ็นทรัลที่วังบูรพา ห้างเซ็นทรัล สีลม ชิดลม และ ฯลฯ นั้น ผมได้พบได้เห็น และได้เขียนแสดงความชื่นชมผ่านคอลัมน์นี้หลายครั้ง
เพราะความเจริญเติบโตของเซ็นทรัลย่อมหมายถึงการจ้างงานโดยตรงของห้าง และการสร้างงานที่เกี่ยวข้องจากบริษัทห้างร้านอื่นๆ ในพลาซ่าเดียวกันอีกนับหมื่นๆคน
ไม่เพียงแต่ห้างเซ็นทรัลเท่านั้น ห้างอื่นๆ เช่น เดอะมอลล์ สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามเซ็นเตอร์ รวมทั้งสยามพารากอน ที่ถือกำเนิดมาล่าสุด ผมก็ จะเขียนในเชิงให้กำลังใจอยู่เสมอ
เพราะเมื่อรวมพลังเข้าด้วยกันแล้ว ห้างต่างๆเหล่านี้น่าจะช่วยจ้างงาน ในทุกระดับได้นับแสนคน
มองในแง่ "ความดีงาม" ที่ห้างสรรพสินค้าเหล่านี้ทำไว้ให้แก่ประเทศไทย ก็คือ การเป็นแหล่งจ้างงานที่ใหญ่ที่สุดอีกแหล่งหนึ่ง เคียงบ่าเคียงไหล่กับโรงงานอุตสาหกรรมทั้งหลาย
ในส่วนเสียก็อาจจะมีเพราะห้างสรรพสินค้าอาจจะเป็นแหล่งเที่ยวเตร่ ของเยาวชน เป็นแหล่งเพาะบ่มความฟุ่มเฟือย ความฟุ้งเฟ้อ ฯลฯ
แต่เมื่อหักกลบกันแล้วผมคิดว่า ส่วนดีน่าจะมีมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อมองจากแนวทางการพัฒนาประเทศที่เราประสงค์จะเป็นศูนย์กลางด้านการค้า และการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในโอกาสต่อไป
ดังนั้น เมื่อห้างสรรพสินค้าส่วนหนึ่งประสบเคราะห์กรรมทางการเมือง ทำให้ต้องปิดห้าง ทำให้การค้าขายในบริเวณราชประสงค์ต้องหยุดชะงัก เกิดภาวะขาดทุนอย่างใหญ่หลวง จึงเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ และควรจะมีวิธีการช่วยเหลือตามสมควรต่อไปเท่าที่จะทำได้
เผอิญหลายๆห้างยังมีสาขา หรือมีเครือข่ายอยู่ตามจุดต่างๆของ กทม. ซึ่งอยู่ห่างไกลจากการเมือง จึงพอจะเก็บเกี่ยวรายได้มาชดเชยได้บ้าง
เพราะสาขารอบนอกเหล่านี้ขายดีขึ้น เนื่องจากผู้คนไม่สามารถเข้าไปในใจกลางเมืองได้ ก็แวะไปตามห้างรอบๆเมืองแทน
เราจึงได้ข่าวว่า ห้าง เอ็มโพเรียม สุขุมวิท, เดอะมอลล์ บางกะปิ, เดอะ มอลล์ งามวงศ์วาน และ เซ็นทรัล ลาดพร้าว มีคนไปอุดหนุนมากกว่าปกติ
ซึ่งความจริงก็ยังไม่คุ้มกันหรอกกับความสูญเสียที่ราชประสงค์ แต่ อย่างน้อยก็ยังมีอะไรคืนกลับมาบ้าง พอเป็นกำลังใจให้ค้าขายกันต่อไป
ผมจึงเข้าใจและเห็นใจที่ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าวจะเปิดต่ออีกระยะ หนึ่ง และขออนุญาตนำบอกกล่าวให้ทราบทั่วกันในวันนี้
นอกจากห้างใหญ่ๆหรือบริษัทใหญ่ในละแวกราชประสงค์จะเจอเข้าให้อย่างจั๋งหนับแล้ว รายงานข่าวจากกระทรวงแรงงานบอกว่า มีสถานประ-กอบการกว่า 3 พันแห่งในบริเวณเดียวกันที่เจอผลกระทบ ซึ่งมีผลไปถึงลูกจ้างอีกประมาณ 6 หมื่นกว่าคน
รวมความแล้วก็เดือดร้อนไปทั้งนายห้าง และลูกจ้าง และพ่อค้าย่อย แม่ค้าย่อย อย่างทั่วหน้ากันในละแวกนั้น
รีบๆตกลงกันเสียทีเถอะครับ ด้วยการถอยหลังคนละก้าว เหตุการณ์เผชิญ หน้ายกนี้จะได้จบลงไป โดยไม่มีการเสียเลือด เสียเนื้อ เสียชีวิต เพิ่มเติมอีก
เสร็จแล้วไปสู้กันต่อในยกหน้า จะสู้กันอีกกี่ยกก็ไม่ว่า ขอให้สู้ด้วย กติกาในระบอบประชาธิปไตยอย่าละเมิดกฎหมาย อย่าละเมิดรัฐธรรมนูญ และอย่าใช้วิธีรุนแรงก็แล้วกัน.
"ซูม"
เพื่อไทย
Friday, April 23, 2010
ปลอบใจในยามยาก
ผมอ่านเจอข่าวเล็กๆชิ้นหนึ่ง ในหน้าข่าวเศรษฐกิจของไทยรัฐฉบับเมื่อวานนี้ เห็นว่าน่าจะนำมาช่วยขยายต่อให้เป็นที่รู้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น