WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, February 20, 2008

เก็บมาฝาก..ตอน ปฏิบัติการ ส่งมอบ ส.ค.ส ให้ท่านนายก




สวัสดีครับ ท่านสมาชิกและท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน เริ่มศักราชใหม่มาได้เกือบครึ่งเดือนแล้วหวังว่าปีนี้อะไรๆคงจะดีขึ้นกว่าปีที่แล้วนะครับ อันที่จริงก็ยังมีความรู้สึกตะหงิดๆว่ามันจะรอดไหมเนี่ย..แต่ก็เอาเถอะครับมองโลกในแง่ที่ดีไว้หน่อยดีกว่าจะได้ไม่ต้องมานั่งเครียด วันนี้เก็บมาฝาก ชื่อตอนเหมือนหนังฮอลลิวูด (ฮิ้ววว) ก็เพราะว่าเรื่องราวที่จะเล่าวันนี้น่ะมันตื่นเต้นมากๆ...ขอบอก จากที่พวกเราชมรมคนคิดถึงทักษิณทำ ส.ค.ส ใบยักษ์ให้สมาชิกได้เซ็นต์ชื่อ เพื่อส่งให้นายกในดวงใจของเราเมื่อตอนก่อนสิ้นปี ในที่สุดภารกิจการส่งมอบ ส.ค.ส ชุดนี้ก็ได้อุบัติขึ้นท่ามกลางใจที่ตุ้มๆต่อมๆของท่านประธาน “ชมรมคนคิดถึงทักษิณ” ว่าภารกิจครั้งนี้จะสำเร็จแค่ไหน ซึ่งก่อนหน้านั้นได้รับการติดต่อประสานงานจากสมาชิกของเราที่เคยไปพบท่านนายกที่ฮ่องกง และได้นำจดหมายลายมือของท่านฝากกลับมาดังที่เราได้ปลื้มกันไปแล้วเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และเราก็ได้รู้ว่าท่านนายกของเรานั้นพักที่ไหนแต่รู้สึกลำบากและต้องลุ้นมากที่สุดก็คือ “พวกเราจะได้พบท่านหรือไม่” เริ่มต้นการเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ในเช้ามืดวันที่ 9 มกราคม พวกเรา 11 ชีวิตที่มารวมตัวกันนำโดย พี่ อัมรินทร์ ประธานชมรม และต่างคนต่างควักกระเป๋าซื้อตัวเครื่องบินเพื่อที่จะไปพบท่านนายกของเราให้ได้ ผมเดินทางไปถึงสนามบินช้ากว่าเพื่อนหลังจากที่โดนพี่อัมรินทร์โทรตาม..(แฮ่ๆๆพอดีมัวแต่โอ้เอ้ครับ)


รถแท๊กซี่จอดเอี๊ยดดด...ที่หน้าอาคารผู้โดยสารชั้น 4 ซึ่งเป็นชั้นผู้โดยสารขาออกของสนามบินสุวรรณภูมิ เวลาเกือบหกโมงเช้า มิเตอร์ขึ้นมาหนึ่งร้อยบาทพอดีผมส่งแบงค์ห้าร้อยให้ คนขับรับเงินเสร็จก็ล้วงซ้ายล้วงขวาหันมายิ้มเจื่อนๆแล้วบอกว่า “ไม่มีทอนครับพี่” ไอ้ครั้นผมจะบอกว่าไม่ต้องทอนก็จะเป็นการให้ติ๊ปเกินตัวผมและผิดหลักการนั่งแท๊กซี่อย่างพอเพียงมากๆ คนขับก็พยายามหาแลกเงินจากรถแท๊กซี่คันอื่นๆแต่ก็ไม่ได้ สุดท้ายผมหยิบโทรศัพท์กดหาท่านประธานชมรม เพื่อขอความช่วยเหลือ..(ขอบคุณนาค้าบ...)หลังจากมาถึงสนามบิน อย่างทุลักทุเล เพื่อนๆที่ร่วมเดินทาง Check in ไปหมดแล้วเหลือพระเอกหน้าตาดีอย่างผมคนเดียวที่ยังไม่ได้Check in ผมลากกระเป๋าเดินตรงเข้าไปที่เคาน์เตอร์เพื่อCheck in ในใจก็ตื่นเต้นมากๆ เพราะว่านี่เป็นการเดินทางสู่จุดมุ่งหมายที่ใฝ่ฝัน และก็ต้องลุ้นว่าปฏิบัติการแห่งภารกิจสำคัญครั้งนี้ของเหล่าพลพรรค ชมรมฯ จะสำเร็จหรือไม่ยังไม่มีใครตอบได้ แต่พวกเราได้บันทึกภาพประวัติศาสตร์ครั้งนี้ไว้มากมายครับ โดยมีพี่ Pocket Return (คนนี้รักท่านนายกมากนะครับ)เป็นคนบรรยายใน VDO และคุณแมว Big cat ที่เคยตามหาท่านนายกที่สิงคโปร์มาแล้วแต่คลาดกับท่านไป ลงทุกควักกระเป๋าร่วมสี่หมื่นซื้อกล้องถ่ายรูปตัวใหม่เพื่องานนี้โดยเฉพาะ


พวกเราผ่านพิธีการตรวจบัตรโดยสารขาออกและลงตราหนังสือเดินทางกันเรียบร้อยทุกคนแล้วก็มาเดินเตร็ดเตร่หาอะไรรองท้องก่อนขึ้นเครื่อง สุดท้ายมาจ่อมก้นที่ร้านบะหมี่และข้าวหน้าเป็ด ผมเองไม่ได้ทานอะไรนอกจากกาแฟหนึ่งแก้วจากที่บ้านเพราะว่ามันเช้าเหลือเกินที่จะทานอะไร(ส่วนหนึ่งตื่นเต้นมากกว่า)แต่หลายท่านกำลังหิว โดยเฉพาะบางท่านบ่นว่าอยากกินข้าวราดแกงมากๆ(เหอๆๆ) ภายในส่วนผู้โดยสารขาออกส่วนนี้เป็นครั้งแรกของผมที่ได้เข้ามาประตู G 4 ตั้งแต่สนามบินสุวรรณภูมิเปิดทำการผมก็เพิ่งจะได้ออกนอกประเทศก็ครั้งนี้ล่ะ ส่วนใหญ่บินในประเทศมากกว่า พวกเราไปนั่งรอกันตรงทางออกขึ้นเครื่องตามเวลากำหนดแบบสบายๆ บทสนทนาของพวกเรามีแต่เรื่องที่ว่า ไปถึงที่โน่น (ฮ่องกง) แล้วจะเริ่มอย่างไร จะได้เจอท่านหรือไม่ ผมเองนั่งมองเครื่องบิน Boeing 777-300 ที่จอดรออยู่ตรงหน้า (เกือบเห่าไปแล้ว บรู๋ว...) โดยผ่านกระจกโค้งของอาคารสนามบิน เครื่องบินลำนี้ล่ะที่จะพาพวกเราไปถึงจุดหมาย อันที่จริงผมว่าสนามบินสุวรรณภูมินี้สวยงามอลังการไม่น้อยเลยหากเทียบกับสนามบินอื่นๆที่ ผมเคยไป มันโล่ง โปร่งสบาย ไม่อึดอัด ม้านั่งรอสีเงินเทาแบบไทเทเนี่ยมกลมกลืนกับโครงสร้าง เสียงประกาศเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่องพวกเราก็จัดแถวกันล่ะ ได้เวลาเดินทางแล้วครับ.......


เช้าวันนั้นอากาศสภาพอากาศที่สนามบินมีหมอกเยอะมากทัศนวิสัยไม่ค่อยดีเท่าไร ผมเองต้องนั่งแยกออกจากกลุ่มออกมาคนเดียวเพราะว่าเข้ามา Check in ช้าอย่างที่บอกไปล่ะครับ เลยไม่ได้เสวนาพาทีกับสมาชิกที่เดินทางขณะที่อยู่บนเครื่อง เสียงประกาศจากนักบินว่าจะ Delay เล็กน้อย (สุดท้ายก็ประมาณ 30 กว่านาที) เพราะเนื่องจากต้องตรวจระบบนำร่องอะไรสักอย่างนี่ล่ะเพื่อความปลอดภัย และการเดินทางตลอดเส้นทางการบินก็เป็นไปอย่างราบรื่น เริ่มจากการ Take off จากทางวิ่งแบบราบเรียบเราก็เหิรฟ้าสู่ฮ่องกงด้วยความตื่นเต้นของพวกเรา ระหว่างเส้นทางการบินผมได้สนทนากับผู้โดยสารชาวอินเดียเขาบอกว่าจะเดินทางไป LA ต่อ ผมถามเขาว่าคุณรู้จักท่านนายกทักษิณไหม? คำตอบที่เขาตอบมาเล่นเอาผมยิ้มแก้มแทบปริ “อ้อ มิสเตอร์ทักษิณเหรอ เขาเก่งมากนะ สามารถบริหารประเทศได้ดี ประเทศไทยน่าสนใจมากๆ แต่เสียดายแทนคนไทยที่เขาไม่ได้เป็นนายกอีก” อันนี้ผมไม่ได้แต่งหรือคำพูดของเขาแต่อย่างใดนะครับนี่ตัดออกไปเยอะด้วยซ้ำ เท่าที่สนทนากันเขารู้เรื่องเมืองไทยดีพอสมควรเลยล่ะ ระหว่างทางนอกจากคุยกับผู้ที่อยู่นั่งข้างๆก็นั่งดู TV จิ๋วตรงหน้าฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ เสียง ปุ๊ง! ต่อด้วยเสียงประกาศจากจากลูกเรือว่าเรากำลังลดระดับลงสู่ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง ผมเริ่มที่จะตื่นเต้นจนแทบเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่เพราะว่าต่อไปนี้จะต้องลุ้นตัวโก่งว่า จะได้เจอท่านนายกในดวงใจเมื่อไร ที่ไหน หากว่าเจอแล้วจะพูดกับท่านว่าอย่างไร เครื่องบินแตะพื้นรันเวย์ สนามบินเช็คลับก๊อก (เขาสร้างในทะเลครับ เลยมองเห็นทะเลอย่างชัดแจ๋วจากในเครื่องบิน สวยไปอีกแบบ) หลังจากเครื่องบินเทียบอาคารแล้วเราก็ลงจากเครื่องแล้วต่อรถไฟฟ้าภายในสนามบิน เพื่อที่จะผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋าสัมภาระที่สายพาน อันนี้ไม่ได้เข้าข้างกันนะหากเทียบกับสุวรรณภูมิแล้วผมว่าของเราเจ๋งกว่านะ แต่ที่เขาก้าวหน้าไปไกลกว่าคือระบบ Airport link ที่พร้อมกว่าเรา แต่ว่าอนาคตก็คงมีเพราะว่าเรากำลังสร้างอยู่


พวกเรา 11 ชีวิตพร้อมสัมภาระพะรุงพรังส่วนใหญ่ไม่มีอะไรมากนอกจากระเป๋าคนละใบ แต่ที่พิเศษคือพี่ชิวหรือเฮียชิวของพวกเรา ทำหน้าที่แบก ส.ค.ส ยาวปรี๊ด ดูแล้วเหมือน เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้แบกบาซูก้า ผมเองก็เสียวๆว่าตรวจคนเข้าเมืองของฮ่องกงจะให้เข้าหรือป่าว (ฮ่าๆ..ฮิ้ว..) พวกเราเรียก Taxi เข้าเมืองเพื่อตรงไป ณ.จุดหมายที่เราได้ทราบมาว่าท่านนายกท่านพักอยู่ ยอมรับว่าพวกเราก็เสี่ยงดวงเหมือนกันกับการเดินทางครั้งนี้ (ค่า Taxi คิดเป็นเงินไทยแล้วแพงมากครับ) เราตกลงกันว่าเราจะแยกเป็นสองกลุ่ม คือผมและพี่ๆอีกสามท่านนั่งรถล่วงหน้ามาก่อนจะไปรอที่ Lobby โรงแรมที่ท่านพัก อีกกลุ่มจะรอตรงโถงทางเข้าซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้า เนื่องจากทราบข้อมูลจากสมาชิกที่เคยมาพบท่านได้บอกเราไว้


Port City ที่พวกเราได้ไปถึงเป็นทั้งห้างสรรพสินค้าและโรงแรม และท่าเรือด้วย พี่อัมรินทร์ ลุงยิ้ม พี่ Pocket และผม ตรงดิ่งไปที่ Lobby ของโรงแรม และอีกกลุ่มซึ่งตามมาทีหลัง มีพี่ Daddy คุณแมว Big Cat พี่ลำปางและพี่ชิว นำขบวนรออยู่ตรงโถงทางเข้า ผมรออยู่นานเหมือนกันครับ กังวลเล็กน้อยว่าทางกลุ่มที่ตามมานั้นจะมาถูกหรือปล่าว เพราะว่าไม่มีใครคุ้นเคยสถานที่นี้เลย ผมเดินออกมาจาก Lobby โรงแรมเพื่อเดินมาดูว่ากลุ่มที่สองที่มาถึงหรือยัง ก็โล่งอกครับ ที่เห็นพวกเรายืนจับกลุ่มคุยกันโขมงโฉงเฉง แต่ที่ผิดสังเกตุก็คือทุกคน ออกอาการตื่นเต้นพูดกันแบบไม่หยุด “เจอท่านนายกแล้ว” น้ำเสียงบอกด้วยความตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดให้ฟัง(ก็เล่นแย่งกันพูด) ผมเอ๋อไปเลยแต่พยายามคุมอารมณ์ อิๆๆ พอจับความได้ก็ได้เรื่องว่า ท่านนายกเดินออกมาจากร้านอาหารตรงทางเข้า ท่านมาทานกลางวัน(อย่างที่เห็นในVDO ล่ะครับฮือๆๆผมไม่ได้อยู่ด้วย) และท่านนายกก็บอกไว้ว่า ท่านจะไปคุยธุระอีกสองมิตติ้งแล้วจะแวะมาคุยด้วย (ผมหูอื้อ ตาลาย คล้ายว่าอิจฉาเพื่อนๆ ที่เจอท่านนายกก่อนเรา) ก็สรุปกันตามนั้นว่าประมาณบ่ายสามโมงของเวลาที่ฮ่องกง ท่านจะมานั่งคุยด้วยที่ร้านกาแฟตรงกลางห้าง โดยท่านได้บอกทางผู้ติดตามของท่านให้พาพวกเราไปนั่งพักผ่อนก่อน แล้วท่านก็ไปประชุมต่อ ทราบทีหลังว่าท่านมีประชุมทั้งวันและก็หลายที่ด้วย แต่ท่านก็กรุณาพวกเรามากๆที่ท่านให้โอกาสพวกเรา ต้องขอขอบพระคุณท่านนายกทักษิณ นายกในดวงใจของพวกเราอย่างสูงเลยครับ พวกเราตั้งใจว่าจะเข้าไปโรงแรมที่พักที่พวกเราจองไว้เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและเอาของไปเก็บ แล้วค่อยออกมารอท่านที่ร้านกาแฟ แต่สุดท้ายเปลี่ยนแผนเนื่องจากว่าเราตัดสินใจว่าจะรอท่านที่ Port City เลย พบท่านแล้วค่อยเข้าโรงแรมที่พักแล้วกันเพราะว่าเวลาเหลือไม่นาน(กลัวพลาดนัดน่ะล่ะครับ) ระหว่างรอเราก็เดินเล่นบ้างไปหาอะไรรองท้องบ้าง ผมเองและพี่ๆสองสามท่านไปหาข้าวกินเพราะว่าเริ่มหิว


อากาศที่เกาะเกาลูนนี่สบายๆครับไม่ร้อนไม่หนาว หลังจากที่อิ่มกับมื้อแรกที่เกาลูนแล้วเราก็กลับมาจุดนัดหมายผมเองก็ยิ่งทวีความตื่นเต้นเข้าไปอีก สมองผมสับสนมากเลยครับเพราะคิดไปต่างๆนานาว่า ท่านจะเหมือนในรูปหรือป่าวนะ ท่านจะคุยกับพวกเราแบบไหน เราจะรบกวนเวลาท่านหรือปล่าวผมคิดไปเรื่อยเปื่อย รอบๆร้านกาแฟที่เต็มไปด้วยร้านค้าแบรนด์เนม ท่าทางจะแพงเอาเรื่องสำหรับสินค้าในร้าน ผมก็กวาดสายตาไปรอบๆ จากระยะประมาณ 15 เมตร ภาพบุคคลที่ผมเองเฝ้ามองผ่านรูปถ่ายและ Clip VDO มาตลอดเกือบสองปี ตอนนี้เขาคนนั้นกำลังเดินตรงมาหาพวกเรา ท่านเดินยิ้มมาแต่ไกล สูทแบบลำลองที่คุ้นตา และแววตาที่จริงใจผมจำได้ดีนั่นคือ นายกในดวงใจของผมและของพวกเรา ท่านพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร เสียงพวกเราบอกอย่างดีใจว่าท่านนายกมาแล้ว พวกเราไหว้ทักทายท่าน อย่างชื่นมื่นครับ ผมเองน้ำตาจะไหลแล้วล่ะเพราะดีใจมาก ท่านเข้ามาร่วมวงสนทนากับเราแบบเป็นกันเองมากๆ ผมเองจำอะไรแทบไม่ได้จำได้แต่ว่า ผมเอาแต่นั่งจ้องท่านแบบตาไม่กะพริบอยู่นาน(พี่ Pocket ยิ่งกว่าผมอีก นั่งนิ่งเป็นหุ่น..ฮา.) ทำอะไรไม่ถูกครับเหมือนว่าสมองของผมเข้าสู้โหมดตะลึงไปนานมากๆ ภารกิจปฏิบัติการ ส่ง ส.ค.ส ก็ได้มาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้วล่ะครับ คือเอา ส.ค.ส ที่พวกเราสมาชิกและพี่น้องชาวไทยจากท้องสนามหลวงได้เขียนอวยพรให้ท่าน เราบอกท่านว่านี่เป็น ส.ค.ส ที่พวกเราได้ร่วมกันเขียนและจัดทำให้ท่านแต่บอกว่าขนาดใหญ่มาก ท่านร้องโอ้โหเลย...แต่ที่ดีใจมากๆเพราะท่านบอกว่าจะเอาไปติดที่บ้านที่อังกฤษ นอกนั้นยังมีจดหมายจาก คอลัมน์ถึงคนที่คิดถึง และยังมีจดหมายจากสมาชิกที่ส่งมาจากหลายที่(ส่วนใหญ่ท่านอ่านทันทีครับ) และของอีกหลายๆอย่าง ที่เราเอาไปมอบให้ท่านในนามของ ชมรมคนคิดถึงทักษิณ พวกเราโดยพี่อัมรินทร์เล่าให้ท่านฟังว่า มีคนที่คิดถึงท่านมากมายและพูดถึงเรื่องราวของพวกเราชมรมคนคิดถึงทักษิณ ว่าไปทำอะไรกันมาบ้าง ใจจริงผมอยากถ่ายทอดออกมาให้มากที่สุดแต่ผมต้องขออภัยจริงๆที่ไม่สามารถเอามาลงไว้ในนี้ได้หมดเพราะว่าเราคุยกันหลายเรื่องเยอะแยะไปหมด ท่านเป็นกันเองกับพวกเรามากๆ ที่ผมประทับใจอีกเรื่องคือเวลาฟังท่านพูดเหมือนได้เรียนเศรษฐศาสตร์ครับ วิสัยทัศน์ของท่านนั้กว้างไกลมาก สามารถทำได้จริงและเห็นเป็นรูปธรรมได้ไม่ยากหากได้ฟังท่านอธิบายแล้วล่ะก็เข้าใจได้ง่ายๆจริงๆ แต่ที่ผมรู้สึกและสัมผัสได้ก็คือ ท่านห่วงบ้านเมืองมากครับ ท่านห่วงเรื่องเศรษฐกิจ ห่วงเรื่องปากท้องของประชาชน นี่ล่ะครับนายกของประชาชนจริงๆ


พวกเราได้มอบเข็มกลัดอันเล็กและขออนุญาตติดเข็มกลัดให้ท่านด้วย เราได้เอารูปตอนเปิดตัวชมรมฯที่มีรูปท่านยืนขนาดเท่าตัวจริงของท่าน “โอ้โหนี่ผมไปด้วยนี่ เหมือนจริงๆ แต่ผมหล่อกว่านี้นะ..” อารมณ์ขันของท่านมีอยู่เสมอๆ ท่านดูสบาย ท่านพูดถึงคุณหญิงพจมาน ที่เพิ่งกลับเมืองไทยไปก่อนหน้าที่พวกเราไปพบท่านแค่สองวันเท่านั้น ท่านก็บอกว่าหากท่านกลับไปก็ไม่อยากให้เป็นปํญหาเพราะท่านอยากให้บ้านเมืองสงบ แต่พวกเราก็บอกท่านว่าประชาชนรอท่านกลับบ้านครับ เชื่อว่ามืดฟ้ามัวดินแน่ๆ ท่านกล่าวขอบคุณพวกเราทุกคนที่รักและห่วงท่าน สุดท้ายท่านนัดเราทานข้าวเย็นด้วยเพราะว่ารุ่งขึ้นท่านต้องเดินทางไปอังกฤษ เราได้เอาเสื้อชมรมให้ท่านได้เซ็นและอีกหลายอย่างในมื้อเย็นวันนั้นครับ จากภาพถ่ายที่บันทึกไว้ จากถ้อยคำที่ได้สนทนากับท่านอย่างเป็นกันเอง บทสนทนาในโต๊ะอาหารที่ท่านนายกมานั่งทานกับพวกเรา ผมเองและหลายๆท่านแทบไม่ได้ทานอะไรมากเลยเพราะว่าปลื้มสุดๆ จนท่านนายกต้องคอยกระตุ้นว่าทานสิ อันนี้อร่อยนะ ในบทสนทนานั้นอบอวลไปด้วยความประทับใจ แต่ช่วงหนึ่งเล่นเอาผมและพวกเราทุกคนต้องเงียบ เมื่อท่านเล่าว่าท่านต้องพาคุณหญิงไปทำเรื่องผู้ลี้ภัยในอังกฤษ ผมรู้สึกขมในลำคอ “ผมเป็นถึงนายกรัฐมนตรี แต่ต้องพาแฟนไปทำเรื่องเรฟูจี” ผมเองต้องแอบปาดน้ำตาครับ เมื่อมาถึงตรงนี้อยากจะบอกว่า ท่านครับ ท่านต้องสู้นะครับ พวกเราจะอยู่ข้างท่านตลอดไป


สิ่งเหล่านี้ยากเหลือเกินที่จะลืมเลือนในชีวิตคนธรรมดาๆอย่างผมที่ได้พบบุคคลที่ศรัทธาและชื่นชอบและนับถือจากใจ ผมได้สัมผัสถึงพลังแห่งความจริงใจที่ท่านมอบให้พวกเรารวมถึงประชาชนในเมืองไทยผ่านทางวิสัยทัศน์ของท่าน แม้ว่าท่านจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งนายก แต่ท่านคือนายกของผมและของพวกเราตลอดกาล ผมคงไม่กล่าวเกินจริงนะครับ หลังจากนั้นเราได้ร่ำลาและขอถ่ายรูปกับท่านเป็นที่ระลึกและเป็นครั้งแรกของผมและพวกเราหลายคนที่ได้ยืนข้างๆท่าน ผมมือไม้สั่นไปหมดตอนที่เข้าไปถ่ายรูปด้วย ส่วนบรรดาสมาชิกสาวๆ ก็ไม่ยอมให้เสียโอกาส ขอกอดนายกในดวงใจของเรากันทุกคน หลังจากท่านเดินออกจากห้องอาหารไปแล้วพวกเรามองหน้ากันแล้วเงียบไปแว้บหนึ่ง เฮ้...เราส่งเสียงและปรบมือพร้อมกัน จากนั้นเราก็กลับที่พัก เพราะอยากกลับไปนอนเพื่อเตรียมตัวเดินโต๋เต๋ในเกาลูน ที่เขาว่ากันว่าเป็นสวรรค์ของนักช้อป ผมเองได้พักห้องเดียวกับพี่ลำปาง แต่กว่าจะได้นอนก็เกือบตี2เพราะว่ามัวแต่คุยกันและบทสนทนานั้นก็มีแต่เรื่องท่านนายกครับและวันอันยิ่งใหญ่ของพวกเราก็หมดลงและภารกิจเราได้ลุล่วงไปอีกหนึ่งภารกิจ ต่างคนต่างเก็บเอาความปลาบปลื้มไว้เป็นความทรงจำ เพื่อเป็นพลังใจในการทำสิ่งดีๆเพื่อสังคมและเพื่อนายกที่รักของพวกเราได้กลับบ้าน เนื้อที่หมดแล้วครับจริงแล้วอยากเล่าให้ฟังมากกว่านี้แต่ว่าเอาไว้คุยกันในเวปบอร์ดจากท่านสมาชิกที่ร่วม Trip นี้ไปด้วยกันนะครับ ต้องลาไปก่อนแต่เพียงเท่านี้และขออวยพรปีใหม่ย้อนหลังให้ทุกท่านเลยนะครับพบกันใหม่กับเก็บมาเล่าตอนหน้าจะมีเรื่องอะไรสนุกๆดีมาเล่าให้ฟังอีก จนกว่าจะพบกันอีกครั้ง สวัสดีครับ


นายโอ๊ต...







ที่มา : ชมรมคนคิดถึงทักษิณ