WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, February 22, 2008

สนธิ ลิ้มทองกุล ลั่น ศาลสั่งจำคุก3ปี คือ 'มารผจญ'

ย้อนหลังกลับไปแกะนัยยะและความหมายที่อยู่ในคำพูดของสนธิ ลิ้มทองกุล เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2550 หลังศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา ที่ให้สัมภาษณ์กับ กานต์ จอมอินตา ผู้ประกาศข่าวเอเอสทีวี จะพบได้ว่า สนธิ ลิ้มทองกุล ไม่ได้น้อมรับคำพิพากษาด้วยความเคารพในกระบวนการยุติธรรม ที่พิจารณาตัดสินคดีในพระปรมาภิไธยพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หากแต่น้อมรับด้วยความจำยอม ทั้งๆ ที่ในใจร่ำร้องคัดค้านและไม่ยอมรับคำพิพากษาครั้งนี้พราะยังเชื่อว่าตนทำถูกต้อง ยังประโยชน์แก่ประเทศชาติ และประชาชน มากกว่าเป็นอันตรายร้ายแรงแก่ประเทศชาติ ตามที่ศาลพิพากษา

สนธิ ลิ้มทองกุล บอกว่าสิ่งที่เขาประสบพบเจออยู่ในขณะนี้ หลังจากที่ศาลสั่งจำกคุก 3ปี เป็นวิบากกรรม และเป็นมารผจญ ซึ่งสมควรต้องพิจารณาอย่างยิ่งว่า คำพูดของสนธิ ลิ้มทองกุล มีนัยยะหรือสะท้อนความหายใดไปยังศาล และกระบวนการยุติธรรม ว่าคือ “มารผจญ” ใช่หรือไม่

อีกทั้งยัง กล่าวถ้อยคำเช่นเดียวกับที่ ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เคยกล่าว และถูกศาลพิพากษาลงโทษ ฐานความผิดดูหมิ่นศาล มาแล้ว ด้วยคำพูดที่ไม่เชื่อมั่นในความเที่ยงธรรมและสุจริตของศาล ว่า กระบวนการยุติธรรมในคดีนี้ถูกวางแผนและดำเนินการมาแต่ต้นโดยเครือข่ายของนายกฯทักษิณ ชินวัตร

ถัดจากบรรทัดนี้ไป คือ คำสัมภาษณ์แบบคำต่อคำ ที่ทำให้เราได้รู้ว่า สนธิ ลิ้มทองกุล ไม่ได้เคารพคำพิพากษาของศาลที่ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้พระปรมาภิไธย แม้แต่น้อย และความไม่เคารพนี้ได้ส่งทอดไปยังลิ่วล้อบริวารในสื่อเครือข่ายผู้จัดการ อย่างถ้วนหน้า ด้วย

...............

สนธิ - เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่เมื่อมีคดีความก็อยากชนะ แต่ผมก็น้อมรับคำพิพากษา เพราะว่า ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า คำพิพากษาของศาลนั้นไม่เหมือนกัน บางองค์คณะพิพากษากรณีลักษณะเดียวกันแบบหนึ่ง อีกองค์คณะหนึ่งก็พิพากษาแบบหนึ่ง ประเด็นสำคัญที่ผมพยายามที่จะทำความเข้าใจกับมันก็คือว่า เป็นเพียงแค่ศาลชั้นต้น ก็ยังคงมีศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาต่อไป เพราะผมเป็นคนที่พูดมาตลอดเวลาว่า ผมเป็นคนที่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาลสถิตยุติธรรม เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อผมไม่พอใจคำพิพากษาศาลชั้นต้น ผมก็ต้องอุทธรณ์ต่อไป

กานต์ - เป็นการใช้กระบวนการยุติธรรม

สนธิ - ถูกต้อง ในทำนองเดียวกัน หลายคดีที่ผมชนะ ฝ่ายที่เขาแพ้ผม เขาก็อุทธรณ์เช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้วเป็นเรื่องปกติธรรมดา ผม แน่นอนทุกคนที่ขึ้นศาลก็อยากให้ตัวเองชนะ แต่ถ้าไม่ชนะก็ต้องทำความเข้าใจกับมัน องค์ประกอบของการตัดสินคดีความแต่ละคดีความนั้นมีอยู่มากมาย เยอะแยะไปหมด อย่าให้ผมพูดออกไปเลย เอาเป็นว่า ในขั้นต้นนั้นจบแล้ว ส่วนในการที่จะมีข้ออ้างอิงอะไรนั้นก็รอการอุทธรณ์ก็แล้วกัน

กานต์ - คุณสนธิ ยืนยันที่จะยื่นอุทธรณ์

สนธิ - 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่า อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่าไม่มีใครยอมแพ้หรอกครับ ทุกคนก็ต้องบอกว่า ตัวเองถูกต้อง แน่นอนที่สุด

กานต์ - ถ้าเป็นอย่างนั้น ยังมีบางประเด็นที่ยังติดใจในคำพิพากษาของศาล

สนธิ - มีมากครับ มีมาก มีหลายประเด็น ผมจะไม่เอ่ยในที่นี้ก็แล้วกัน มีหลายประเด็น ซึ่งหลายๆ ประเด็นผู้ที่อยู่ในแวดวงกฎหมายก็ยังงงเป็นไก่ตาแตก แต่ว่า ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าผมน้อมรับคำพิพากษาก็แล้วกัน แต่ผมขอใช้สิทธิในการยื่นอุทธรณ์ไป แล้วก็ ถ้าผมชนะอุทธรณ์ โจทก์เขาก็ต้องฎีกา ก็ไปตัดสินกันที่ศาลฎีกา ส่วนฎีกาจะตัดสินอย่างไรก็เป็นไปตามอย่างนั้น ถ้าศาลฎีกาบอกผมต้องติดคุกผมก็ติด ผมไม่ออกมาร้องแรกแหกกระเชอแล้วผมไม่หนีไปอยู่ต่างประเทศ เพราะผมเป็นคนเชื่อมั่นในระบบ

กานต์ - คนที่ทำผิดหรือคิดว่าจะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็ควรกลับมาต่อสู้กันในกระบวนการยุติธรรมจะดีกว่า

สนธิ - มันเป็นกรณีที่เปรียบเทียบให้เห็นว่า คุณทักษิณจริงๆ ไม่ควรจะไปหลบอยู่ต่างประเทศ แล้วก็ใช้วิถีทางหลายๆ วิถีทางเพื่อก่อให้เกิดกระแส แล้วพรรคพวกตัวเองได้รับเลือกตั้งเข้ามา จะด้วยวิธีใดก็ตาม จะด้วยถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ผมไม่ขอออกความเห็น แล้วในที่สุดแล้ว ก็เอาพวกนี้เข้ามาปัดกวาด ทำให้ถนนหนทางมันไม่ขรุขระ เขาจะได้เดินกลับมาง่ายๆ

กานต์ - ไม่ถึงขั้นปูพรมแดง

สนธิ - ไม่ถึง เอาแค่ไม่ให้ขรุขระก็พอใจแล้ว อย่างเช่น ผมเชื่อว่าพรรคพลังประชาชนเองก็ต้องการกุมตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง รัฐมนตรีกลาโหม และรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ทั้งหมดนั้นเกี่ยวพันกับคุณทักษิณหมดเลย

กานต์ - อย่างนี้ในแง่กำลังใจที่จะเดินต่อสู้บนถนนสายนี้ต่อไปจะเป็นอย่างไร

สนธิ - ผมมีความเชื่อมั่นอย่างหนึ่งว่า ผมเชื่อในคุณงามความดี ที่ดีมาตั้งแต่ต้น ดีไปตรงกลาง แล้วก็ดีให้ถึงที่สุด สังคมไทยวันนี้เป็นสังคมไทยน่าสงสาร แล้วก็ บางครั้งผมมานั่งดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้วหลังเลือกตั้ง ผมเห็นความโลภของคน ผมเห็นคนบางคนซึ่งเคยยืนอยู่ข้างประชาชน ต่อต้านคุณทักษิณ วันนี้ยกพรรคพวกเข้าไปอยู่กับคุณทักษิณ

กานต์ - เพียงไม่กี่วัน

สนธิ - เพียงไม่กี่วันเท่านั้นเอง เพียงเพราะว่าตัวเองต้องการลาภ ต้องการอะไรก็ตามที่เข้ามา คนบางคนสู้คุณทักษิณก็เพราะว่าตัวเองนั้นถูกรังแกมาก่อน พอวันนี้รู้ว่าตัวเองพ่ายแพ้หมด ก็เสนอตัวเข้าไปร่วมกับคุณทักษิณ พูดในทำนองที่เรียกว่า คือผมเข้าใจการเมืองชอบพูดคำว่า ก่อนที่จะเลือกตั้งก็จะทะเลาะกัน ไม่รวมไม่ร่วม พอเลือกตั้งเสร็จเรียบร้อย ตัวเองไม่มีข้อต่อรอง ตัวเองจะบอกว่า ร่วมกับพรรคไหนก็ได้ เพราะฉะนั้นแล้วสังคมไทย อุดมการณ์ทางการเมืองมันไม่รู้อยู่ที่ไหน ส่วนผมนั้น อุดมการณ์ของการเป็นคนดีแล้วต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมืองนั้น จากวันแรกที่ผมตัดสินใจเดินมา ผมเสียสละแล้วหมดทุกอย่าง ผมเอาธรรมนำหน้า ผมบอกกับตัวผมเองว่า คุณกานต์คงจำได้ว่า ตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง คำว่า ตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง มันมีนัยที่ลึกซึ้งมาก คือว่า ผมมองว่า ทุกอย่างเป็นเรื่องอนิจจังทุกขังอนัตตา ทุกอย่างไม่แน่นอน ทุกอย่างเป็นทุกข์หมด พอจบไปแล้วก็ไม่มีอะไร เพราะฉะนั้นแล้ว คำว่า ตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง ก็คือว่า เมื่อตัดสินใจทำงานให้ชาติบ้านเมืองแล้ว ต้องยอมเสียสละหมดทุกอย่าง ถึงแม้จะต้องถึงแก่ชีวิตก็ต้องยอม ถึงแม้ว่าจะหมดทรัพย์สมบัติไปก็ต้องยอม เพราะว่าเรามีศรัทธาในสิ่งที่เราทำ และสิ่งที่เราทำนั้นเราทำเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เราทำด้วยความถูกต้อง บางครั้งการกระทำของเรานั้น เราต้องเจอวิบากกรรม อย่างในขณะนี้ต้องถือเป็นวิบากกรรม

กานต์ - เป็นมารผจญ

สนธิ - มารผจญ แม้กระทั่งการที่ผมไปบวชคราวที่แล้วก็ยังมีมารมาผจญ เพราะฉะนั้นแล้วเราต้องไม่สติแตก เราต้องสติมั่นคง อยู่กับตัวเราเอง อันหนึ่งซึ่งผมอยากจะเรียนให้คุณกานต์ทราบนิดหนึ่งว่า ในขณะนี้สังคมไทยของปลอมเยอะ เยอะมาก หลายๆ คนที่เข้ามาร่วมกระบวนการกับเราตั้งแต่ต้น วันนี้แปรเปลี่ยนไปหมดแล้ว จำนวนคนที่ยังคงยืนหยัดอยู่เหมือนเดิม น้อยลง คนที่มาเอาประโยชน์กับเราได้ไปเยอะ หลายๆ คน คมช. ก็ได้ประโยชน์ พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นนายกฯ ขึ้นมาก็เพราะว่าพวกเราเป็นคนทำ

กานต์ - หลายๆ คน รัฐมนตรีหลายคนมาจากเรา

สนธิ - มาจากเราทั้งนั้น แต่คนพวกนี้เข้ามาร่วมพวกเราเพียงเพราะเห็นว่าเรามีกำลังจะโค่นคุณทักษิณได้ พอเราโค่นคุณทักษิณเสร็จเขาก็มาฉกฉวยผลประโยชน์ที่เขาต้องการจะได้ตั้งแต่ต้นเอาไป ที่เราพูดเช่นนี้ไม่ใช่เพราะว่าเราเห็นว่าเราไม่ได้มีประโยชน์อะไรแล้วเราก็มาทำตัวเป็นองุ่นเปรี้ยว ไม่ใช่ ที่เราพูดเช่นนี้เราต้องการชี้ให้พี่น้องและประชาชนเห็นสัจธรรมของชีวิต โชคดีอย่างหนึ่งที่ อุดมการณ์ผมไม่เคยเปลี่ยน แล้วผมยัง

กานต์ - เป็นสิ่งสำคัญ

สนธิ - สำคัญมากคุณกานต์ คนเราตอนนี้ มีคนถามผมวันนี้ว่าผมจะท้อใจไหมในการต่อสู้ต่อไป ผมไม่ท้อหรอก ผมเป็นนักรบคุณกานต์ เมื่อผมเป็นนักรบ อย่ามาเรียกผมขุนพลแล้วกัน ผมไม่ใช่เป็นขุนพลของใคร ผมเป็นนักรบ ผมรบในสิ่งที่ผมเชื่อ และศรัทธา คือสัจธรรมแห่งคุณงามความดี ผมเชื่อในเรื่องนี้ เมื่อผมเชื่อในเรื่องนี้ ถ้าผมจำเป็นต้องบาดเจ็บ บางครั้งบาดเจ็บเล็กน้อย บางครั้งบาดเจ็บสาหัส ผมก็ต้องทน คุณกานต์ ผมเคยโดนคดีหนึ่งที่คุณภูมิธรรม เวชชยชัย ฟ้องผม แล้วท่านผู้พิพากษาท่านพิพากษาจำคุกผม 2 ปี 1 กรรม 1 กรรม 2 ปี ไม่มีรอลงอาญา ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ของวงการศาลในเมืองไทย ไม่เคยมีมาก่อน ผู้พิพากษาส่วนใหญ่ตกตะลึง และงงไปหมด เกิดอะไรขึ้น เพราะธรรมดา 1 กรรม จะจำคุก 1 ปีแล้วให้รอลงอาญา หรือบางครั้ง อย่างกรณีหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ โดยคดีหมิ่นประมาท ศาลจำคุก 6 เดือน ให้รอลงอาญา แต่ถ้าเป็นผู้จัดการแล้วจะไม่มีรอลงอาญา

กานต์ - จำคุกเลย

สนธิ - หรือตัวผม ซึ่งผมไม่ได้มาตัดพ้อต่อว่า ผมกำลังเล่าให้คุณกานต์ฟังว่า คนเราถ้าอดทนต้องอดทนให้ถึงที่สุด พูดง่ายๆ ว่า ถ้าบาดเจ็บสาหัสแล้วอย่าร้อง ร้องไม่ได้คุณกานต์ ไม่มีสิทธิร้อง ที่ไม่มีสิทธิร้องก็เพราะว่า เรามีความศรัทธา ความเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำ เหมือนเราเชื่อในพระพุทธเจ้า เราเชื่อในพระธรรมคำสั่งสอน เราจะบอกตัวเราเองว่า ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าธรรม หรือตอนที่เราสู้กับคุณทักษิณ เราก็พูดตลอดเวลาว่า ไม่มีใครที่หนีกรรมได้พ้น ด้วยเหตุนี้เมื่อเรามีความเชื่อ มีศรัทธาแล้ว อย่าไปหวั่นไหวกับมัน บาดเจ็บสาหัสแน่นอน วันนี้คนเยอะเลยลืมไปหมดแล้วว่าผมเคยสู้อะไรมาบ้าง

กานต์ - ทั้งๆ ที่เวลาผ่านไปไม่ถึง ปีกว่าๆ เท่านั้น

สนธิ - ถูกต้อง วันนี้ผมเดินขึ้นศาล ผมโดนพิพากษาอย่างนี้ คนก็เฉยๆ แต่เขาไม่รู้ เขาไม่ได้หยุดคิดเลยว่า สิ่งซึ่งผมโดนวันนี้คือสิ่งซึ่งผมสู้ในอดีต เพื่อให้พวกเขาได้มีวันนี้กัน

กานต์ - นี่คือสิ่งที่คุณสนธิต้องการจะบอก

สนธิ - ผมก็ไม่เชิงต้องการบอก ผมต้องการเล่าให้ฟังว่า คนเรา คือผมมี 2 ความคิด ความคิดหนึ่ง ผมยอมรับ คนเราขี้ลืม

กานต์ - โดยเฉพาะคนไทย

สนธิ - โดยเฉพาะคนไทย ผมว่าชาติอื่นขี้ลืมเหมือนกัน แต่ว่า อีกมิติหนึ่งผมกำลังจะบอกว่า ถึงเขาจะขี้ลืม ผมควรหรือไม่ลืมไปตามเขา เพราะวันนี้ถ้าผมไปคุยกับคุณทักษิณ ชินวัตร ในทำนองว่ามาร่วมมือกันทำอะไรก็ได้แล้วลืมความหลังครั้งเก่าๆ ผมก็เสียแล้ว ผมเสียศรัทธาคนที่จะมารุมด่าผม แต่ในขณะเดียวกัน ที่ผมมารับเคราะห์รับกรรมเพราะคุณทักษิณอย่างนี้ คนเขาจำไม่ได้ว่าผมเคยทำอะไรมา เพราะฉะนั้นแล้ว มันเป็นเรื่องที่ เป็นเรื่องปัจเจกบุคคลจริงๆ ที่เอามาเป็นตัวอย่างให้ทุกๆ คนทำตามคงไม่ได้ ผมคงไม่มีสิทธิที่จะไปหวังว่าทุกคนคงจะคิดเหมือนผม ทำเหมือนผม แต่ผมมีสิทธิที่จะทำในสิ่งที่ผมเชื่อมั่นและศรัทธา และผมต้องไม่เปลี่ยนแปลงในจุดยืนของผม เพราะอันนี้สำคัญที่สุด เพราะอันนี้คือคุณค่าของความเป็นคน และที่สำคัญ คุณค่าของความเป็นคนที่ต้องการทำความดี ไม่ใช่แค่พูดแต่ปาก โดนแล้วก็ไม่บ่น มีใครบ้าง มีใครเจออย่างผมบ้าง วันนี้ผมโดนไป 3 ปี ไม่รอลงอาญาเลย ผมรู้สึกเฉยๆ นี่พูดด้วยความสัตย์จริง ผมไม่ได้ตื่นเต้นอะไรทั้งสิ้นเลย เพราะผมเตรียมตัวเตรียมใจมาแล้ว

กานต์ - เข้าใจในสัจธรรม

สนธิ - ข้อที่ 1 ข้อที่ 2 คุณกานต์ ทุกคดีที่เขาฟ้องผมตอนนี้ คุณกานต์รู้ไหมเขายื่นฟ้องผมตอนที่เขามีอำนาจ คุณทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วให้ลูกน้องมาฟ้องผม การที่เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วทะเลาะกับผมตอนนั้น หาเรื่องผมตอนนั้น เขาบริหารระบบทั้งระบบใช่ไหม เพราะฉะนั้นคนที่อยู่ในระบบแต่ละระบบจะเกรงใจเขา

กานต์ - จะเป็นไปตามประตู ตามทาง

สนธิ - ประตู ตามทางที่เขาวางเอาไว้ ผมก็ต้องไม่บ่น ไปดูได้ ยอมรับ ไปดูได้เลยทุกคดี ไปดูได้เลย ทุกคดี คุณทักษิณดำเนินคดีกับผมในช่วงที่คุณทักษิณมีอำนาจเต็มๆ เลย เพราะฉะนั้นแล้วมันต้องยอมไป ก็เพียงแต่หวังว่า ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ท่านจะมีเมตตา ท่านจะเข้าใจ ว่าสิ่งที่ผมสู้มา แล้วสิ่งที่ผมต่อสู้มาแล้วไม่ได้รับการหยิบยกมาพิจารณานั้น ท่านอาจจะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาก็ได้ แต่ว่า อย่างที่ผมเรียนให้ทราบคุณกานต์ ผมน้อมรับคำพิพากษาทุกประการ เป็นเพียงแต่ว่า ผมขออนุญาตไม่เห็นด้วย และผมขออนุญาตใช้สิทธิของผมในการอุทธรณ์และฎีกาต่อไป

กานต์ - คำพูดที่เราทุกคนชาวพันธมิตรฯ ใส่เสื้อ เราจะสู้เพื่อในหลวง อันนี้คือหลักการใหญ่ อุดมการณ์ใหญ่ที่คุณสนธิบอกว่า นี่คือสิ่งซึ่งทำเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

สนธิ - ถูกต้องครับ แล้วผมยังยืนยันอยู่ทุกวันนี้ แล้วในบางครั้งหลายคนน้อยอกน้อยใจแทนผม บอกคุณสนธิคุณจะสู้ไปทำไม คุณสู้ไปแล้วคุณได้อะไร คุณได้แต่คดีความบ้าๆ บอๆ มา คนอื่นเขาไปตักตวงผลประโยชน์ มีความสุขกันหมดทุกคน ผมบอก อย่าไปคิดอย่างนั้นซิ ดีต้องดีให้ตลอด แล้วดีต้องดีให้ตลอดจริงๆ นะ อย่าไปดีแล้วแอบชั่วแล้วสร้างภาพว่ายังดีอยู่ มีอยู่หลายคนตอนนี้ ดีแล้วแอบชั่ว แล้วสร้างภาพให้ตัวเอง ให้คนอื่นเห็นว่า ตัวเองยังดีอยู่ ดีต้องดีทั้งเปิดเผยและลับหลัง

กานต์ - นี่คือสิ่งที่ คุณสนธิยึดหลักการนี้แล้วทำมาโดยตลอด

สนธิ - ถูกต้องครับ แล้วผมยังทำอยู่ต่อไป บทบาทหน้าที่ผมคงไม่ถดถอยออกไป เป็นเพียงแต่ว่าผมอาจจะเปลี่ยนทิศทางใหม่

กานต์ - เสียกำลังใจ

สนธิ - ไม่เสีย ไม่เสีย ผมกลับมองในมุมกลับว่าทำให้ผมมีกำลังใจมากกว่าเก่า

กานต์ - แรงฮึด

สนธิ - มันไม่ใช่แรงฮึดอย่างเดียวคุณกานต์ ผมมีความรู้สึกว่า ผมต้องทำอะไรแล้วมันได้ผลแน่นอน เขาถึงต้องมาเล่นงานผมอีก คือ วัตถุประสงค์ทั้งหมดต้องการจะปิดปากผมนะ ไม่ให้ผม

กานต์ - ถ้าคุณสนธิไม่อยู่สักคนหนึ่งทุกอย่าง

สนธิ - ถ้าผมไม่อยู่ ถ้าผมไม่อยู่เสียคนหนึ่งทุกอย่างราบรื่นหมด แล้วเขาเคยพูดมาตลอดเวลา เขาพูดตลอดเวลา เขาบอกทหารเขาก็ซื้อได้ นักการเมืองเขาซื้อได้ ข้าราชการแน่นอน เขามีอำนาจทุกคนยอมเขาหมดไม่ว่าจะเป็นหน่วยไหน เขาบอกเหลืออยู่คนเดียวที่มันไม่ยอมผม ก็คือ สนธิ ลิ้มทองกุล

กานต์ - สุดท้ายครับคุณสนธิ ยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า นอกจากระบวนการทางยุติธรรมที่เราต้องดำเนินต่อสู้ต่อแล้ว กระบวนการทางจิตใจ ร่างกาย หลายคนเป็นห่วงกลับคุณสนธิจะถอดใจ

สนธิ - ผมคงไม่ถอดใจหรอกครับ มันไม่คง ผมไม่ถอดใจแน่นอน แต่สิ่งที่ผมจะทำในที่สุดคือ ผมยังคงเดินหน้าต่อไป แต่ปีใหม่ 2551 บทบาทผมจะเปลี่ยนไป ผมกำลังจะชวนพ่อแม่พี่น้องประชาชนให้ฟังเรื่องที่ผมพูด แล้วถ้าหลายคนเห็นด้วยให้เข้ามาร่วมกระบวนการกับผม ผมคิดว่าเราจะเริ่มประมาณต้นปี คงจะได้เห็นกันครับ ขอบคุณมากครับคุณกานต์

คลิกอ่านบทความ อย่าด้อยค่าคำพิพากษาของศาลในพระปรมาภิไธย

ประดาบ

จาก hi-thaksin