WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, February 23, 2008

สัมภาษณ์พิเศษ : แง้มหัวใจช้ำ สพรั่ง กัลยาณมิตรกับพล.อ.สนธิ..."ผมไม่นับญาติ!"

"ขออภัยในความไม่สำเร็จ" คงจะเป็นวลีเปรียบเปรยการแถลงผลงานปิดฉากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ที่เสียดแทงใจคณะนายทหารที่ร่วมกันก่อการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 อยู่ไม่น้อย เพราะวลีดังกล่าวนี้ล้อมาจากถ้อยคำในประกาศของคณะรัฐประหารฉบับแรกที่ส่งถึงประชาชนว่า "ขออภัยในความไม่สะดวก" กับปฏิบัติการยึดอำนาจในค่ำคืนนั้น
แต่ทั้งหมดทั้งสิ้นแล้ว บุคคลที่บอบช้ำที่สุดใน คมช. จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร รองปลัดกระทรวงกลาโหม เพราะทั้งพลาดหวังกับเก้าอี้ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) อย่างเจ็บปวด และยังถูกเล่นงานจาก "มิตรอำมหิต" ในภารกิจเข้าไปสะสาง "สุสานคอร์รัปชัน" ในรัฐวิสาหกิจบางแห่ง แต่สุดท้ายตัวเองคือคนที่ถูกสะสาง
วันนี้ พล.อ.สพรั่ง เปิดใจอีกครั้งกับทีมข่าวเครือเนชั่นถึงความเจ็บปวดที่เขาได้รับ และบทเรียนจากการรัฐประหาร ตลอดจนอนาคตของตัวเขาเองบนสถานการณ์การเมืองที่พลิกผันได้ทุกเวลา
ถามตรงๆ ว่าความรู้สึกที่มีต่อ พล.อ.สนธิ ยังเหมือนเดิมหรือไม่ เพราะมีข่าวว่าตอนนี้ไม่มองหน้ากันแล้ว
เอาเป็นว่าไม่โกหก คือเหมือนคนใหม่ อยากขอให้สื่อลงให้ชัดว่า "เหมือนคนใหม่" นั่นคือคำตอบ เหมือนกับคนที่เพิ่งรู้จักกันครั้งแรก
ความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่
ก่อนการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารเมื่อปลายเดือน ต.ค.ปีที่ผ่านมา ไม่นับญาติ ไม่ถือว่าคุ้นเคย และอื่นๆ ในความหมายของมัน คนมันต้องมีความจริงใจ หากขาดเสียซึ่งความจริงใจมันก็...
ความจริงใจเหมือนยาที่มีคุณภาพมาก ความจริงใจจะทำให้วงจรชีวิตของยามีคุณภาพ แต่เมื่อไหร่วงจรชีวิตมันหมดก็จะสูญเสีย ยาก็จะไม่มีคุณภาพ ยานั้นก็จะต้องทิ้ง ความจริงใจเป็นคุณสมบัติอันนี้ ถ้าอยู่ในคุณสมบัติของใครจะทำให้คนนั้นเป็นคนดี แต่ถ้าไม่มีความจริงใจจะน่าคบหรือไม่...เป็นเพื่อนร่วมทางกันไม่ได้
แสดงว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรุนแรงมาก พูดได้หรือไม่ว่าจะไม่มีการเผาผีกับ พล.อ.สนธิ อีก...
เพราะมันตายกันคนละเวลาแน่นอน ปกติผมก็ไม่ค่อยไปงานพวกนี้อยู่แล้ว เพียงแต่จะเลือกไปเท่านั้น คนที่ทำร้ายผมได้คือคนที่ใกล้ชิด รักกันชอบกัน
เคยทุบโต๊ะบ่นเจ็บใจหรือไม่ว่าทำไมถึงทำกับนักรบชื่อ พล.อ.สพรั่ง ได้
ก็ต้องไปถามเขา แต่ผมไม่แปลกใจ เพราะรู้จักคน ก็เหมือนเพื่อนร่วมอาชีพ บางทีเราอยากจะหนีแต่ทำไม่ได้
ความสัมพันธ์กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.เป็นอย่างไรบ้าง
น้องเขาให้ความเคารพสม่ำเสมอ น้องเขามีไมตรีจิตดีเป็นปกติ ตอนนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ได้เป็น ผบ.ทบ. ผมก็แสดงความยินดี พล.อ.อนุพงษ์ ก็บอกว่าพี่มีอะไรเต็มที่เหมือนเดิม ผมก็บอกว่าพี่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผมยังขอบคุณ พล.อ.อนุพงษ์ เลย
รู้สึกอย่างไรที่เจอมรสุมทั้งผู้บังคับบัญชา และเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดที่เรียกว่า "มิตรอำมหิต"
ข่าวหนังสือพิมพ์ที่เข้าข่ายโจมตี ผมได้ดำเนินการทางกฎหมายไปแล้ว ผมอยากจะหาตัวผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น มิตรรักแฟนเพลงกันทั้งนั้น เจ้าตัวรู้ดี เป็นใครไปไม่ได้ แต่ผมไม่อยากทะเลาะผ่านสื่อ เพราะไม่อยากตกเป็นเหยื่อของการเล่น ปัญหาบ้านเมืองมีอีกเยอะ
1 ปี 6 เดือน ได้บทเรียนอะไรบ้างจากการเปลี่ยนแปลงการเมืองด้วยการรัฐประหาร
ไม่ได้ตอบแบบกำปั้นทุบดินนะ ได้บทเรียนว่าการคิดการใหญ่เพื่อบ้านเพื่อเมืองต้องคิดให้จบ หมายความว่าอย่าคิดว่าเพื่อเข้ามาคลี่คลาย หรือเข้ามาหยุด เข้ามาระงับเหตุ ต้องคิดต่อไปถึงว่าสิ่งที่เราเข้ามาระงับนั้นจะต้องแก้ไข โดยจะให้ใครแก้ไข ถ้าเรารับอาสาเข้ามาแก้ไขจะต้องมีทีมงานที่ดี และจะต้องส่งมอบงานเมื่อมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุซ้ำเข้ามาอีก พูดง่ายๆ คืออย่าให้ปัญหาเดิมกลับมาอีก
ถ้าคิดเพียงแค่ว่าพอใจต่อการที่มาแทรกแซง เข้ามาช่วยระงับเหตุ และทุกอย่างกลับไปอยู่สภาพเดิมถือว่าอันตราย เหมือนที่เราใช้ศัพท์ว่า "ปฏิวัติเสียของ" มันอาจจะใช้คำรุนแรงไปหน่อย แต่เป็นการประชดว่าปฏิวัติเสียของ เทียบกับความรู้สึกของผมคือ "ภารกิจไม่สำเร็จ"
ภารกิจไม่สำเร็จเป็นเพราะหัวหน้าคณะปฏิวัติไม่เด็ดขาดเพียงพอหรือเปล่า
นั่นเป็นความรับผิดชอบ อย่าปฏิเสธ เพราะว่าทหารนั้นผู้บังคับบัญชามีหน้าที่รับผิดและชอบในความสำเร็จหรือความล้มเหลวในสิ่งที่ตัวเองหรือผู้ใต้บังคับบัญชาหรือหน่วยของตัวเองได้กระทำหรือไม่ได้กระทำ ผู้บังคับบัญชาต้องรับผิดชอบตามหลักการ ปฏิเสธไม่ได้
ลึกๆ แล้วน้อยใจหรือไม่ที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. ทั้งๆ ที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองช่วงก่อนวันที่ 19 ก.ย.2549
ตอนนี้ผ่านมาแล้ว เกรงว่าจะสับสนในสิ่งที่พูดไป ผมไม่อยากซ้ำเติม ไม่อยากมาอ้างในสิ่งที่ทำ...อยากจะบอกว่ามาถึงวันนี้รู้สึก "กุศลหักเห" โชคดีที่ไม่ได้เป็น เพราะการทำอะไรให้บ้านเมืองไม่ใช่เรื่องสบาย จะต้องเจอศัตรู คนที่รักจะรักน้อยลง ถามว่าวันนี้เสียใจมั้ย ถือเป็นกุศลหักเห เหมือนบางคนไม่ได้ขึ้นเครื่องบินที่ประสบอุบัติเหตุ วันนั้นเสียใจว่าทำไมไม่ได้ไปวะ
เรื่องที่ถาม ต้องบอกว่าวันนี้โชคดีที่ไม่ได้เป็น เพราะผมจะทำอะไรเป็นการให้รางวัลกับชีวิต แต่ถ้าถามในอดีต วันนั้นรู้สึกผิดหวัง ในฐานะปุถุชนก็ผิดหวัง ผิดหวังในเรื่องคุณสมบัติ ที่เขามาเขียนไว้ว่า "เก่ง-ดี-บู๊-บุ๋น" ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่าเป็นการพูดคุยตามหลักการ แต่เมื่อสื่อรุกว่าจะเอาใครขึ้นมาเป็น ฝ่ายการเมืองหรือฝ่ายตรงข้ามก็อยากจะรู้ เพราะมีผลถึงในอนาคต คนที่ให้สัมภาษณ์ไม่น่าพูดสอดคล้องกันว่า ต้องการคนที่มีอายุราชการนานหน่อย หรือบางพวกก็บอกว่าไม่ถือหลักความอาวุโส ถือหลักความเหมาะสม หรือขว้างหินถามทางมาเรื่อยๆ ความจริงพี่น้องกันไม่ได้คิดอะไร แคนดิเดทด้วยกันไม่ได้คิดอะไรเลย ยังหัวเราะกันอยู่ บัดนี้ก็ยังเหมือนเดิม
ผมรู้สึกผิดหวังต่อความไม่จริงใจ ไม่ให้ผมเป็นก็บอก ก็เรียกน้องมา พี่มีความตั้งใจจะให้น้อง ก.เป็น ไม่ใช่น้อง ข. พวกเรามันจริงใจต่อกัน ต้องเรียกพบและพูดคุยกัน พี่ขอร้องอยากให้คนนั้นเป็น ผมจะแฮปปี้มากเลย และผมจะออกข่าวให้เลย พี่พรั่งพี่มีโอกาสมั้ย ผมจะบอกว่าโอกาสมี แต่ที่ตกลงใจไม่ใช่ ผมจะตอบเองว่าเกิดอะไร ผู้บังคับบัญชามองการณ์ไกล ท่านเห็นว่าน้องท่านนี้เป็นคนที่จะทำงานอย่างต่อเนื่อง และมีบุคลิกที่สามารถที่จะเชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างให้มันคลี่คลายได้...แต่นี่มันไม่ใช่ กลายเป็นว่าการตัดสินใจจากคนที่เหลือใช้ไม่ได้เลย
การอ้างคุณสมบัติทั้ง 4 ข้อ คือคุณสมบัติที่สุดยอดที่ได้ตัดสินใจเลือก จริงๆ น้องๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องเลย ทั้งอนุพงษ์หรือมนตรี (พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด) สรุปว่าถ้าผมเป็นผู้บังคับบัญชาจะไม่ทำแบบนี้ ถ้าจะเลือกใครหรือไม่เลือกใคร น้องๆ ทุกคนที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาจะชัดเจนมาก จะรู้ตัวล่วงหน้าเป็นปี และไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าไม่สะดุดขาตัวเอง เพราะความดีจะต้องเปิดเผย
สังคมไทยเราเป็นประเภทสร้างความสำคัญให้กับตัวเอง ดึงอำนาจเข้าหาตัวเองโดยไม่คำนึงถึงผู้อื่น ดึงเพื่ออะไร เพื่อให้ทุกคนเข้าหาหรือ ในชีวิตผมไม่เคยเข้าไปพบผู้ใหญ่ว่า...พี่ผมขอเป็น ไม่ให้เป็นก็ไม่เคยมาตอบโต้ แต่ถ้าตัวเองมีโอกาสจะไม่ทำอย่างที่ถูกกระทำโดยเด็ดขาด และอดีตก็ไม่เคยทำ
ผิดหวังหรือเปล่าที่อดีตหัวหน้าคณะปฏิวัติต่อสายพูดคุยกับอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำชี้แจงหรือคำสัมภาษณ์ ไม่ได้ใส่ใจเลย และไม่เคยตามเรื่องนี้เลย เพราะไม่มีความจำเป็นต้องไปตามข่าว
รู้สึกอย่างไรกับนายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช ซึ่งควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม ด้วย
ได้ดูบุคลิก ประสบการณ์ และดูสัญญาประชาคมที่ให้ไว้ โดยดูจากการที่มาพบผู้นำเหล่าทัพที่กระทรวงกลาโหม คิดว่าถ้านายกรัฐมนตรีมุ่งมั่น โดยมีปัญหาแรงเสียดทานจากภาคการเมืองด้วยกันเอง คือศึกภายในและภายนอก หากผ่านแรงเสียดทานและคุมเกมได้ ก็จะเป็นโอกาสทองที่นายกรัฐมนตรีจะได้รับบำเหน็จ เกียรติยศในช่วงสุดท้ายในบั้นปลายของชีวิตแน่นอน
ส่วนตัวเคยพูดคุยกับนายกฯสมัครมาก่อนหรือไม่
ผมไม่เคยไปหาคนที่มีอำนาจวาสนา แต่มีหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่าเป็นเครือญาติกับกัลยาณมิตร บังเอิญครั้งหนึ่งในช่วงสั้นๆ เป็นงานสังคม คุณสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม. ผมเป็นแฟนคลับอยู่แล้ว ก็ไปสวัสดีท่าน ได้พูดคุยถึงนามสกุลกัน ซึ่งไม่ได้มีอะไรมากมาย เป็นความบังเอิญที่เจอกันในงาน แต่คุณสมัครจำได้หรือเปล่าไม่รู้ ที่เล่าให้ฟังไม่ได้บอกว่าคุ้นเคยกัน ไม่ได้อวดอ้าง
ในอนาคตถ้าการเมืองกับกองทัพขัดแย้งกัน มีสิทธิที่จะใช้กำลังทหารแก้ปัญหาการเมืองอีกหรือไม่
ถ้ามีอีกก็แสดงให้เห็นว่าการเมืองเราต่ำกว่ามาตรฐาน และเป็นวงจรน้ำเน่า วงจรอุบาทว์ ถ้าเกิดขึ้นอีกภาคประชาชนคงออกมาประท้วงเดินขบวนกันวุ่นวาย
วางอนาคตชีวิตหลังเกษียณอย่างไร จะเล่นการเมืองหรือไม่
จอมพลสฤษดิ์ (จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีต ผบ.ทบ. และอดีตนายกรัฐมนตรี) เคยพูดกับคนไทยว่า "พบกันเมื่อชาติต้องการ" คือถ้าบ้านเมืองเกิดกลียุคเกิดความวุ่นวาย บ้านเมืองไม่มีขือมีแป ผมคงไม่นิ่งดูดายเป็นทหารแก่ที่ไม่สนใจบ้านเมือง ผมจะต้องออกมาช่วยบ้านเมือง แต่ถ้าบ้านเมืองเรียบร้อย ผมก็จะเป็นพลเมืองดี คือไปเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือสังคม
มีคนอยากรู้กันเยอะว่า ลึกๆ แล้ว พล.อ.สพรั่ง รู้สึกอย่างไรกับคนชื่อทักษิณ
จริงๆ แล้วเราไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน ตอนที่ผมเป็นแม่ทัพภาค 3 ก็ได้รับเกียรติจาก พ.ต.ท.ทักษิณ มากพอสมควร ถือว่าดีที่สุดในยุคที่การเมืองเข้มแข็งขนาดนั้น ก็ต้องให้เครดิตกับอดีตนายกฯ ส่วนจุดหักเหของความขัดแย้งก็ไม่ได้มีอะไร ไม่ได้เกิดที่ตัวบุคคล แต่เกิดจากความไม่สบายใจและสิ่งแวดล้อมคนใกล้ตัวพาดพิงถึงเบื้องสูง ไม่ได้เกี่ยวกับตัว พ.ต.ท.ทักษิณ