กรณีที่เกิดขึ้นกับนาย เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ที่ถูกถอดจากรายการ “มุมมองเจิมศักดิ์” ทางคลื่น 105 นั้น จะว่าเป็นปรากฏ การณ์ธรรมดา ก็ธรรมดา สำหรับผู้คนในแวดวงวิทยุ-ทีวี นี่ไม่ใช่กรณีแรกและไม่ได้เกิดเฉพาะกับรัฐบาลชุดนี้ แต่เกิดขึ้นกับทุกรัฐบาลที่ผ่านมา
ไม่มีรัฐบาลไหนดีเด่นกว่ารัฐบาลไหนเลย ขอบอก !!!
สื่อ “บิ๊กเนม” บางคนในอดีตถึงขนาดเคยออกมาจวกคนที่ออกมาร้องโวยวายเวลาโดนยึดไมค์หรือ ถูกยึดหน้าจอคืนชนิดจะเป็นจะตายว่า เป็นราชสีห์อย่าร้องเอ๋งเหมือนหมาข้างถนน วิพากษ์กันหนักหน่วงขนาดนั้น
ตีความได้ว่า เวลาขึ้นหม้อ ตัวก็ได้เวลาเยอะแยะ จะเอารายการไหนช่วงไพร์มไทม์ นาทีเงินนาทีทองที่คนจัดรายการอยากได้แทบขาดใจ แต่ไม่มีทางได้นั้น ตัวก็แทบเอานิ้วจิ้มได้ตามใจ ชอบ หน่วยราชการเจ้าของคลื่นความถี่ไม่มีใครกล้าหือกล้าอือ มีรายการทีวี 5 วันเต็มในสัปดาห์ไปเลย
แถมยังช่วยกล่อมหน่วยงานรัฐเอา โฆษณามาลงให้ด้วยซ้ำไป หรือไม่จริง
กลายเป็น “เสี่ย” กระเป๋าตุงไปตาม ๆ กัน ตอนนั้นไม่เห็นออกมาโวยว่ามีการแทรกแซงสื่อเลย แล้วทีตกกระป๋องจะมาร้องแรกแหก กระเชอไปไยกัน ก็จงก้มหน้าก้มตาเก็บกระเป๋ากลับบ้านให้สมศักดิ์ศรีหน่อย
เหมือนดอกเตอร์คนหนึ่งที่อคติสุดโต่ง เวลาจะวิพากษ์วิจารณ์ทีไรฝ่ายที่ตัวเองเกลียดดำปี๋ อีกฝ่ายขาวจั๊วะ พอผลเลือกตั้งออกมาไม่เป็นดังหวังก็ตีอกชกหัว รับไม่ได้ ทนไม่ได้ หดหู่ หมดหวัง จนต้องอำลารายการที่จัดอยู่ในทีวีรัฐช่องหนึ่งไป โดยไม่รอให้ใครมาสะกิด
ของอย่างนี้เป็นที่รู้ ๆ กันอยู่ ในวงการวิทยุและฟรีทีวีทั้งหลาย
ยิ่งในช่วงที่ผ่านมาเกิดปรากฏการณ์บีบบังคับให้สื่อต้องเลือกข้าง ใครเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับ “คมช.” หรือการ “ปฏิวัติ” ก็ยกย่องว่าเป็นสื่อแท้ พวกอยู่ตรงข้ามจะถูกยัดเยียดให้เป็นพวกสื่อเทียม ถึงไม่เป็นสื่อเทียมก็จะกลายเป็นอีกพวกหนึ่งที่คล้าย ๆ กัน สมุนทรราชหรือลิ่วล้อทักษิณไปโน่นเลย ยังจำกันได้ไหม
อย่าอัลไซเมอร์ ลืมง่ายนักสิ ใครที่ชี้หน้าด่ากราดไปทั่ว เลือกข้างไปแล้ว จะโวยหาพระแสงอะไร ???
แต่นั่นล่ะ เรื่องสิทธิเสรีภาพของสื่อในระบอบประชาธิปไตยจำเป็นยิ่งยวด ไม่อย่างนั้นประชาชนก็จะไม่มีข้อมูลดีพอในการตัดสินใจเรื่องบ้านเมือง นอกจากสิ่งที่ผูกขาดกรอกหูอยู่ทุกวี่วัน
ทำให้การมองปัญหาผิดเพี้ยนไปหมด กระแสเพี้ยนที่ผ่านมาก็เพราะอย่างงี้แหละ
ก็รู้กันอยู่ ยิ่งเป็นโลกาภิวัตน์มากเท่าไหร่ ช่องทางการรับรู้ข่าวสารยิ่งเหลือเฟือ ตอนนี้ใช่จะ มีแต่หนังสือพิมพ์ ทีวี วิทยุ เมื่อไหร่ เคเบิ้ลทีวี อินเทอร์เน็ต วิทยุชุมชน มือถือที่ส่งข่าวเอสเอ็มเอสเยอะแยะไปหมด ประชาชนแทบจะสำลัก ข้อมูลข่าวสารตายน่ะไม่ว่า
แต่จะให้เป็นข้อมูลสองด้านหรือรอบด้านได้ไงต่างหาก นี่แหละที่สำคัญ
ถึงอยากให้ จักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีที่ถูกจับให้มาดูแลสื่อรัฐ ได้สร้างมิติใหม่ให้กับประชาชนในเรื่องการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเสียที ที่ออกมา บอกว่าจะเพิ่ม “ผู้เล่นใหม่ ๆ” ในสนามข่าว ก็เป็นเรื่องดี หรือจะทำช่อง 11 ให้เป็น “โมเดิร์น อีเลฟเว่น” เป็น สถานีข่าว ก็น่าติดตามดู ซึ่งอาจจะ ติดปัญหาเรื่องเงินเดือนที่จะต้องมีการปรับเพิ่มให้เหมาะสม
แต่จะดียิ่งขึ้นหากเปิดเสรี ทีวี วิทยุ ไปเลย เพราะถึงยังไงก็หนีไม่พ้น เพราะหากร่าง พ.ร.บ.ประกอบกิจการวิทยุ-โทรทัศน์ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อไหร่ วิทยุชุมชน เคเบิ้ลทีวี โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ก็เปิดได้อยู่แล้ว
เปิดเสรีไปเลย พวกชอบฉวยโอกาสแหกปากร้องว่าถูกแทรกแซงจะได้หมดไปเสียที.