WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, February 19, 2008

‘มิ่งขวัญ’ ถกผู้ประกอบการ ระวังวงแตก!

พลันที่ “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ” รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ประกาศจะทบทวนราคาสินค้าอุปโภคบริโภคซึ่งเป็นของจำเป็นสำหรับประชาชนระดับรากหญ้า โดยมอบให้กรมการค้าภายในเชิญผู้ประกอบการ 250 รายมาหารือ ในวันที่ 22 ก.พ.นี้“จะศึกษาต้นทุนการผลิตสินค้าที่แท้จริงในแต่ละชนิดว่ามีการปรับเพิ่มเท่าใด จากนั้นจะทบทวนปรับลดเพื่อให้สอดคล้องกับค่าความเป็นจริง โดยจับตาสินค้าทุกตัวที่ทำให้ประชาชนมีความสุข”กรณีดังกล่าว ย่อมได้รับเสียงขานรับด้วยความพึงพอใจ จากชาวบ้านหาเช้ากินค่ำและถือเป็นการขยับตัวครั้งแรกของ“มิ่งขวัญ” อดีตนักการตลาดมืออาชีพ ที่สำคัญเขาย้ำด้วยว่าจะให้ผู้ประกอบการ “สัญญา”ด้วยว่าราคาสินค้าต้องลดลงเบื้องต้น สินค้าจำนวน 33 รายการเป็นเป้าหมายที่จะต้องหั่นราคาลงทันที ประกอบด้วยข้าวสารบรรจุถุง ผลิตภัณฑ์นม น้ำมันพืช บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แป้งสาลี อาหารปรุงสำเร็จ เนื้อสุกรผงซักฟอก แชมพู สบู่ ยาสีฟัน ผ้าอนามัย ถ่านไฟฉายเยื่อกระดาษ กระดาษเหนียว กระดาษทำลูกฟูก แบตเตอรี่ รถยนต์นั่ง รถยนต์บรรทุกเล็กรถจักรยานยนต์ ก๊าซหุงต้ม ปูนซีเมนต์ เหล็กเส้นสายไฟฟ้า เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เหล็กแท่งปุ๋ย ยาป้องกันและปราบศัตรูพืช อาหารสัตว์ค่ารักษาพยาบาลโรงพยาบาลเอกชน ค่าเช่าบ้านและค่าโทรศัพท์มือถือ

ตามกลไกตลาด ราคาสินค้าจะปรับตัวขึ้นหรือลงขึ้นอยู่กับดีมานด์และซัพพลาย เป็นหลักการทั่วไป ดังนั้น หากจะไปมัดมือชกให้ผู้ประกอบการลดราคาสินค้าลง จะเป็นธรรมหรือไม่ ???กรณีนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่เชื่อว่าท่าทีอันขึงขังของ รมว.พาณิชย์ น่าจะมีข้อมูลลึกๆพอสมควร และได้แต่หวังว่ารายงานที่ นายยรรยงพวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน มอบให้“มิ่งขวัญ” ก่อนที่จะพบกับผู้ประกอบทั้ง 250 รายจะเป็นข้อมูลที่จะได้รับการ “ยอมรับ”และสามารถสยบความเคลื่อนไหวไม่ให้มีการ“วงแตก” กันเสียก่อนเพราะแค่ “มิ่งขวัญ” ส่งสัญญาณผ่านสื่อไปเพียงแค่วันเดียว บรรดาผู้ประกอบการที่ไม่ยอมเสียผลประโยชน์ ต่างตบเท้าตั้งท่าคัดค้านเกี่ยงงอนกันแล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มเจรจาด้วยซ้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากกลุ่มบริษัทในเครือ“สหพัฒน์” ซึ่งมีสินค้าอุปโภคที่จำเป็นอยู่ในมือนับร้อยรายการ และล้วนเป็นสินค้าจำเป็นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคของระดับรากหญ้าโดยตรง อาทิ ข้าวสาร อาหารแห้ง ผงซักฟอกสบู่ ยาสีฟัน ฯลฯนายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ กก.ผอ.บริษัท ไทยเพรซเิดนทฟ์ ดูส ์จำกดั (มหาชน) หนงึ่ในเครอื “สหพฒั น”ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า ระบุว่า เมื่อต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น หากต้องการให้ผู้ประกอบการลดราคาลง ก็ต้องไปทำให้วัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นลดลงให้ได้ก่อน ถ้าทำได้แล้วค่อยมาว่ากัน ซึ่งแนวทางดังกล่าวฟันธงเลยว่า ผู้ประกอบการไม่สามารถปฏิบัติตามได้ โดยเฉพาะในสภาวะปัจจุบัน

“หากผู้ประกอบการให้ความร่วมมือในแนวทางดังกล่าว มีอยู่วิธีเดียว คือ ลดคุณภาพของสินค้าลง หรือทำเป็นสินค้าไฟติ้งแบรนด์ที่ผ่านมา ก็มีบทเรียนผลิตผงซักฟอกธงฟ้าออกจำหน่าย สินค้าคุณภาพไม่ดีก็ไม่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภค แต่ความเป็นจริง ไม่มีผู้ประกอบการรายใดอยากจะลดคุณภาพสินค้าลง เพราะมีโอกาสที่แบรนด์จะเสีย ใครจะกล้าเสี่ยงเอาแบรนด์ที่สร้างสมมาแล้วต้องพังทลายไป”ขณะที่ นายสมบุญ ประสิทธิ์จูตระกูลนายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย บอกว่าหากต้องการให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามที่รัฐบาลต้องการ รัฐคงต้องเข้ามาช่วยเหลือในด้านของต้นทุนวัตถุดิบ และลดอัตราการเก็บภาษีเงินได้จากปัจจุบันที่จัดเก็บ 30%แนวทางที่กระทรวงพาณิชย์งัดออกมานั้นเข้าใจกันว่า รมว.พาณิชย์ ต้องการมีผลงานให้ประชาชนชื่นชอบ หากภาครัฐให้ความร่วมมือก็อยากจะร่วมมือ แต่ต้องไม่ให้กระทบถึงต้นทุนเพียงแค่ยกแรก ก็ชักจะเป็นห่วง รมว.พาณิชย์ ซะแล้ว!!!