นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระกรวงกลาโหม กล่าวในรายการ "สนทนาประสาสมัคร" ผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ วันนี้ (2 มี.ค.) บอกเล่าภารกิจต่างๆ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านว่า เริ่มจากมีสื่อมวลชน 17 สถาบันสื่อทั้งหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์จากญี่ปุ่นมาขอพบได้คุยกันเรียนร้อยดี โดยคุยกัน 1 ชั่วโมง 15 นามที ที่ญี่ปุ่นสนใจที่จะมาช่วยเรื่องเกี่ยวกับประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ อย่างไรก็ตาม น่าประหลาดใจนิดหน่อยที่ผู้สื่อข่าวญี่ปุ่นสนใจการเมืองไทย
นายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวต่อว่า ถัดมาเป็นผู้บัญชาการกองกำลังภาคพื้นแปซิฟิก สหรัฐฯ เข้าพบ โดยเข้าเยี่ยมตนในฐานะที่เป็น รมว.กลาโหม ที่คุยกันดีเกี่ยวกับเรื่องอาวุธยุทธภัณฑ์และเรือรบ ที่เล่าให้ฟังว่า เราส่งเรือรบที่อยากได้คืนกลับไป ให้ โดยเป็นเรือรบหลวงชื่อนาคา ขนาด 400 ตัน เป็นเรือสำหรับช่วยยิงเวลายกพลขึ้นบก ผลิตประมาณ 130 ลำ 129 ลำ จมหมด หลุดมาอยู่ที่ประเทศไทย 1 ลำ ขอมา 10 ปี เพิ่งทำเสร็จเมื่อ 2 เดือน และคืนให้ไป โดยตราครุฑติดอยู่เปลี่ยนแต่ธงไทยเป็นธงสหรัฐฯ
นายสมัคร กล่าวอีกว่า หลังจากนั้น ประธานสหภาพยุโรป (อียู) ได้เข้าพบ คุยกันยาวและให้ข้อมูลกันหลายๆ เรื่อง ที่ในเดือน มิ.ย.นี้ ตนจะต้องไปประชุมที่บรัสเซลและมีอะไรจะต้องไปเล่าให้ฟังอีกมาก อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันอียูหันกลับมา แต่ก่อนหันหลัง เดี๋ยวนี้ หันหน้ามา เช่นเดียวกับสหรัฐฯ ส่วนญี่ปุ่นกับจีนแต่ก่อนหันข้าง แต่เดี๋ยวนี้ หันหน้ามาทั้งหมด ที่บอกแล้วว่า ถ้ารัฐบาลมาจากการเลือกตั้งก็กลับมาเหมือนเดิมและเริ่มเดินหน้า กลับมาสู่สภาพเดิม
นายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวด้วยว่า ล่าสุด ก่อนเดินทางไปเยือนลาว 29 ก.พ.ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ก็เข้าพบและคุยกันยาวเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชียก็เรียบร้อยดี คุยเพื่อให้แขกเมืองเห็นว่า เรามีสติปัญหาและรู้ตื้นลึกหนาบาง รวมทั้งอ้างบาลีให้ฟัง