พลันที่ข่าวหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์หัวสีหลายฉบับ ได้เสนอข่าวเรื่องราวที่ไม่เหมาะสม ของพระสงฆ์ ที่เข้าไปจิ๊จ๊ะกับสีกาสาวๆในเว็บไซต์ไฮไฟว์ ( www.hi5.com) ก็ส่งผลให้เว็บไซต์นี้ ที่แต่เดิมก็โด่งดังอยู่แล้ว ก็ดังขึ้นไปอีกราวกับพลุแตก
อนันต์ แป้นทองคำ แหล่งข่าวทางด้านเทคโนโลยี บอกว่า หลังจากที่มีการเสนอข่าวนี้ออกไป ตัวเลขของผู้ที่เข้าสู่เว็บไซต์ไฮไฟว์นั้น เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
ตัวเลขก่อนการเสนอข่าว เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2551 มีการคลิกเข้าเว็บไซต์ไฮไฟว์ ประมาณ 2 แสนคนต่อวัน แต่ตัวเลขหลังจากการเสนอข่าวไปเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2551 มีกว่า 4 แสนคนต่อวัน
อนันต์ บอกว่า ไฮไฟว์เป็นเว็บไซต์ของสัญชาติอเมริกัน ตัวเซฟเวอร์ใหญ่ อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดให้บริการมากว่า 5 ปี
แต่ช่วง 3 ปีหลังที่ผ่านมา คนไทยได้เริ่มแห่เข้าไปใช้บริการ โดยเฉลี่ย มีคนคลิกเข้าไปในเว็บไฮไฟว์ 200,000 คนต่อวัน
ตัวเลข 200,000 นี้มากพอที่จะเป็นข้อมูลให้เจ้าของเว็บไซต์ไฮไฟว์ ตัดสินใจแปลหน้าเว็บไซต์จากภาษาอังกฤษมาเป็นภาษาไทย เพื่อที่จะรองรับ การใช้งานของคนไทย
เว็บไฮไฟว์ไม่ได้จะจัดทำภาษาเพื่อรองรับการใช้งานของคนไทยเท่านั้น แต่ปัจจุบันได้แปลออกมาเป็นภาษาต่างๆ ถึง 17 ภาษา
อนันต์ บอกว่า สาเหตุที่ทำให้ไฮไฟว์ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ก็เพราะใช้กลเม็ดบางอย่าง โดยไฮไฟว์ได้กำหนดให้ผู้ที่จะสมัครสมาชิก
ต้องใช้อีเมล์ส่วนตัว และต้องบอกรหัสผ่านอีเมล์อันนั้นมาด้วย
ในตอนแรกคนส่วนใหญ่ก็ไม่เข้าใจ หลงใส่รหัสผ่านอีเมล์ไป ซึ่งผลจากการใส่รหัส ก็เปิดโอกาสให้ไฮไฟว์เข้าไปดึงเอารายชื่อของผู้ที่เคยติดต่อกับอีเมล์นั้นออกมา แล้วก็ส่งข้อความแบบอัตโนมัติไปเชิญชวนให้เข้ามาสมัครใช้บริการไฮไฟว์แบบต่อๆกันไป
สมมติว่าอีเมล์ของผู้สมัครรายหนึ่ง ชื่อ “ไผ่” อีเมล์อันนี้เคยติดต่อกับคนอื่นๆมาแล้ว 1,000 คน เจ้าไฮไฟว์ก็ไปดึงเอาบันทึกรายชื่ออีเมล์ทั้ง 1,000 คนออกมา แล้วก็ส่งข้อความไปหา 1,000 คนนั้น โดยบอกว่า “ไผ่” เชิญชวนคนให้สมัครใช้บริการไฮไฟว์
บังเอิญเหลือเกินที่ “มิกกี้” เป็น 1 ใน 1,000 คน ที่ได้รับอีเมล์ เชิญชวนจาก ไผ่ แล้ว มิกกี้ ได้ตัดสินใจสมัครใช้บริการ โดยอีเมล์ของมิกกี้นั้น เคยผ่านการติดต่อกับคนอื่นๆมาแล้ว 300 คน
เจ้าไฮไฟว์ก็จะให้มิกกี้ใส่รหัสผ่านของอีเมล์อันนั้น จากนั้นไฮไฟว์ก็จะเข้าไปดึงข้อมูล 300 คนนั้นออกมาอีก แล้วก็ส่งข้อความไปหาคนอีก 300 คนว่า มิกกี้เชิญชวนให้สมัครใช้บริการไฮไฟว์
เทคนิคของไฮไฟว์แบบนี้ ส่งผลให้ผู้สมัครบางคนออกอาการงงๆ เพราะไม่ได้ตั้งใจที่ส่งข้อความไปเชิญชวนบุคคลเหล่านั้นเลย
บางครั้งอีเมล์ที่ถูกส่งไปโดยไม่รู้ตัว ผู้ที่รับข้อความดังกล่าว กลายเป็นผู้ใหญ่หรือเจ้านาย ก็ทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาเหมือนกัน
เมื่อเสร็จสิ้นพิธีการสมัคร ไฮไฟว์จะสร้างกลุ่มเพื่อนให้กับเรา โดยดูจากเพื่อนที่เคยติดต่อ กับเราผ่านทางอีเมล์มาก่อน หากเพื่อนคนใดได้ลงทะเบียนไปก่อนหน้านี้แล้ว ทางไฮไฟว์ก็จะโชว์รูปของคนเหล่านั้น พร้อมทั้ง จัดให้มาอยู่ในคอนแทคลิสต์ของเราทันที
นอกจากนั้น เราก็สามารถที่จะหาเพื่อนคนอื่นๆเข้าอยู่ในลิสต์ได้ ทั้งโดยการค้นหาจากตัวเราเอง และโดยการแนะนำจากตัวไฮไฟว์เอง การค้นหาเพื่อนใหม่ในไฮไฟว์นั้นเป็นไปได้อย่างง่ายดาย เช่น เราต้องการหาผู้หญิงที่ สถานะโสด อายุไม่เกิน 30 อยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร เราก็ใส่ข้อมูลลงไปแค่นั้น
เพียงไม่ถึง 10 วินาที ข้อมูลพร้อมทั้งรูปถ่ายของผู้หญิงที่ตรงตามคุณสมบัติ จะมีมาให้เลือกเป็นพันคน
และเมื่อเราได้เลือกคนที่ต้องการจะติดต่อด้วยแล้ว ต้องส่งข้อความไปขออนุญาตคนนั้นก่อน หากตอบรับว่าอนุญาต เราก็ไปอยู่ในคอนแทคลิสต์เขาได้ทันที
ในขณะเดียวกัน ทางไฮไฟว์จะเป็นสื่อกลางแนะนำเพื่อนให้เราอีกมากมาย
สมมติว่า เรามีเพื่อนอยู่แล้ว 10 คน เราอยากได้เพื่อนเพิ่มขึ้นอีก จึงได้ เข้าไปค้นหามาเพิ่มอีก 5 คน เพื่อนใหม่ของเราทั้ง 5 คน ก็จะรู้จักเพื่อนเก่าของเราทั้ง 10 คนเดิมด้วย โดยไฮไฟว์จะแนะนำเพื่อนต่อๆกันไปเหมือนกับวงจรลูกโซ่
จนสมาชิกบางคน...มีเพื่อนอยู่ในคอนแทคลิสต์เกือบหมื่นคน
ในเว็บไซต์ไฮไฟว์ ยังอนุญาตให้มีการสร้างกลุ่มต่างๆขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนรักหมา รักแมว กลุ่มศิษย์เก่าโรงเรียนต่างๆ เพื่อที่จะให้บุคคล เหล่านั้นโคจรมาเจอกันในโลกของอินเตอร์เน็ต
“เพื่อนบางคนไม่เจอกันมาเป็นสิบปี พอมาตั้งกลุ่มชื่อโรงเรียน เก่าในไฮไฟว์ เพื่อนมากมายก็เข้ามาสมัครอยู่ในกลุ่ม เราก็ไปเปิดดู รูป อ้าวนี่เพื่อนเก่า ไม่เจอกันมานานมาก ก็เลยส่งข้อความไปทักทาย แล้วได้เบอร์โทรศัพท์มา ก็เลยกลับมาติดต่อกันเหมือนเดิม”
อนันต์ บอกว่า ความสามารถของไฮไฟว์เช่นนี้ ถ้ามองในมุมของเทคโนโลยี ก็จะเป็นเรื่องที่ทันสมัย และน่าจับตามอง
แต่ถ้ามองในมุมของผู้ปกครองก็ย่อมเป็นเรื่องน่าเป็นห่วง ภาษาพระบอกว่า เว็บไซต์แบบนี้เป็นสถานที่อโคจร เพราะฉะนั้น คนที่ยังไม่มีวุฒิภาวะก็จะมีความเสี่ยงในการที่จะถูกหลอกลวงค่อนข้างสูง
แต่วันนี้เว็บไฮไฟว์ไม่ได้กลายเป็นสถานที่อโคจรเพียงอย่างเดียว แต่กลับกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยในการตรวจสอบ “กิ๊ก”
เมื่อไม่นานนี้ มีสามีภรรยาคู่หนึ่งอายุยังไม่มาก ฝ่ายสามีก็ไปสมัครเล่นไฮไฟว์ อีเมล์ที่ไปสมัครก็ส่งมาเชิญชวนภรรยาเข้าไปสมัครด้วย แต่ภรรยาเป็นคนที่มีงานยุ่ง ก็เลยไม่ได้สมัครในทันที ปล่อยให้เจ้าสามีเล่นไปตามลำพัง
วันดีคืนดี ภรรยาเกิดว่างขึ้นมาเลยลองเข้าไปสมัครดูบ้าง ก็บังเอิญไปเห็นรูปเพื่อนๆ ที่อยู่ในคอนแทคลิสต์ของสามีเยอะมาก จึงทดลองคลิกเข้าไปดูเรื่อยๆ แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อไปพบภาพผู้หญิงคนหนึ่ง ถ่ายคู่กับสามีตนเอง ความก็เลยแตก
เรื่องอย่างนี้ไม่ได้เกิดกับสามีภรรยาคู่นี้เพียงคู่เดียว
ตอนนี้เมียหลวงจำนวนมากกำลังใช้ไฮไฟว์ตรวจสอบพฤติกรรม ความเคลื่อนไหวของสามีนักแชตในโลกอินเตอร์เน็ตทั้งหลาย
บางคนไปเจอรูปสามีไปถ่ายคู่กับกิ๊ก อดรนทนไม่ได้ ส่งข้อความไปด่า ขึ้นหน้าเว็บไซต์ของผู้หญิงคนนั้น
ข้อความบนหน้าเว็บไซต์ไฮไฟว์ของแต่ละคนนั้น ใช่จะมีแต่เพียงคำด่าของเมียหลวงกับ กิ๊กเพียงอย่างเดียว คำพูดดีๆที่ให้กำลังใจระหว่างเพื่อน ระหว่างคนที่เริ่มรู้จัก หรืออะไรหวานๆระหว่างแฟนนั้นก็มีให้เห็นอยู่มาก
กับข่าวหน้า 1 ที่บอกถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระสงฆ์ ที่เข้าไปเล่นไฮไฟว์ อนันต์ บอกตามตรงว่า ถ้าหนังสือพิมพ์ไม่เสนอข่าวก็ไม่มีใครรู้
เพราะคนที่เข้ามาเล่นไฮไฟว์นั้นเป็นล้านคน เมื่อเทียบกับจำนวนพระสงฆ์ที่เข้าไปประพฤติตนไม่สมควรนั้น เทียบกันไม่ได้
แต่อย่างไรก็ดี ยังมีพระสงฆ์ที่เข้ามาในโลกของอินเตอร์เน็ตแล้วไม่ได้ ประพฤติตัวอย่างที่เป็นข่าวอีกมากมาย ยกตัวอย่างเว็บไซต์ของพระมหาสมปอง www.dhammadelivery.com ที่ถ่ายทอดเรื่องราวธรรมะ ในแง่มุมดีๆออกสู่สายตาชาวโลก
หรือแม้แต่บล็อก www.oknation.net/blog/buddhamantra ที่มีมุมมองน่าสนใจเกี่ยวกับพุทธศาสนา
หรือแม้กระทั่ง www.oknation.net/blog/taimahayan ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่มีเขียนงานเกี่ยวกับศาสนา หลักคำสอน และวิธีการปฏิบัติตนในทางศาสนาอย่างน่าสนใจ
อนันต์ ทิ้งท้ายว่า อยากให้คนที่มาให้ข่าวกับสื่อมวลชนในเรื่องพระเล่นไฮไฟว์ ลองเข้าไปศึกษาดูเว็บไซต์เหล่านั้น แล้วได้โปรดเข้าไปทดลองค้นหาคำว่า “ธรรมะ” ในเว็บไซต์กูเกิ้ลดูบ้าง
เมื่อทำทั้งหมดแล้ว ช่วยกลับมาให้ข่าวกับสื่อมวลชนอีกครั้งว่า ผลจากการค้นหาในครั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับการค้นหาคำว่าพระในเว็บไซต์ ไฮไฟว์ในครั้งก่อนนั้น
พระสงฆ์แบบไหนมีเยอะกว่ากัน?