นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าววันนี้ (6 มี.ค.) ถึงข่าวมีเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศ จะย้ายไปสังกัดในหน่วยงานอื่น ว่า นายกฤษณ์ กาญจนกุญชร เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน ดีซี จะไปรับตำแหน่งรองราชเลขาธิการในพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงต้องมีข้าราชการไปแทน
“ผมไม่ได้มีอารมณ์ค้างจะย้ายทูตตามอำเภอใจ กระทรวงการต่างประเทศมีมืออาชีพ มีข้าราชการมือดีๆ เยอะ จะไปทำอะไรตามอำเภอใจไม่ได้ การย้ายของผม เป็นการย้ายโดยความจำเป็น” รมว.ต่างประเทศ กล่าว และว่า ตนมีหลักเกณฑ์ โดยดูที่ความสามารถ อาวุโส ได้ซี 9 เมื่อไหร่ ได้ซี 10 เมื่อไหร่ ได้ซี 10 ครั้งแรกแล้วไปเป็นเอกอัครราชทูตในประเทศใหญ่โตหรือไม่ กระทรวงการต่างประเทศมีธรรมเนียมอยู่ ที่วอชิงตัน ดีซี จะเป็นทูตที่ดีที่สุด อาวุโสที่สุดของเรา ก่อนที่จะกลับมาเป็นปลัดกระทรวง เป็นต้น ส่วนทูตญี่ปุ่น ปารีส ลอนดอน ต้องอาวุโส ฉะนั้น คนที่ออกไปเป็นทูตครั้งแรก ไปอยู่ประเทศใหญ่ ๆ ต้องดูว่าเหมาะสมหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการโยกย้ายเอกอัครราชทูตไทยในอังกฤษ และมอสโควตามที่มีข่าวลือหนาหูในขณะนี้หรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า ยืนยันที่มอสโควไม่มี ที่ลอนดอนยังไม่ได้มีการพิจารณา ส่วนจะมีที่ไหนบ้าง ขอรอดูสักประมาณ 2 สัปดาห์ ตนจะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวว่า ย้ายเพราะเหตุใด อธิบายให้ประชาชนได้
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีย้ายเอกอัครราชทูตในลักษณะไม่เหมาะสมหรือไม่ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า มี แต่ตนจะดูว่า หากไปแล้วมีความสามารถทำงานได้ แม้ตอนแรกอาจจะไม่เหมาะสม ก็จะไม่ไปแตะต้อง หากไม่เหมาะสม ก็สามารถปรับได้ การย้ายข้าราชการเป็นเรื่องปกติของข้าราชการฝ่ายการเมือง ที่ต้องปรับคนให้เหมาะสมกับภารกิจ
นายนพดล กล่าวอีกว่า การย้ายข้าราชการของกระทรวงการต่างประเทศ ต้องมีการขอความยินยอมจากประเทศที่จะไปก่อน และประเทศนั้น ๆ มีสิทธิ์ที่จะไม่รับด้วย แต่ประเทศไทยไม่เคยมีการปฏิเสธจากประเทศที่ขอไป ทั้งนี้ ระดับซี 10 ต้องผ่านมติครม.ก่อน ถึงวันนี้การปรับย้ายเอกอัครราชทูตมีประมาณ 4-5 คน
“ข้าราชการบางคนฝักใฝ่เผด็จการ ทำทุกอย่างตอบสนองการยึดอำนาจ เป็นต้น ข้าราชการมีหลายแสนคน รัฐบาลนี้ย้ายไป 4 คน คิดว่าเป็นจำนวนไม่มาก ยกตัวอย่าง นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ ผมไม่มีแนวคิดย้ายท่านเลย แม้จะเป็นกระบอกเสียงให้ช่วงยึดอำนาจก็ตาม แต่ท่านก็ทำตามหน้าที่ ที่ถูกฝ่ายการเมืองให้ทำ ผมไม่มีความรู้สึกไม่ดี แต่ข้าราชการคนใดทำเกินเลย ไม่บริการประชาชน ฝักใฝ่เผด็จการ มีความลำเอียงอย่างออกนอกหน้า ทำทุกอย่างเพื่อตอบสนองการยึดอำนาจ เราต้องยอมรับว่า รับไม่ได้ในสังคมประชาธิปไตย” รมว.ต่างประเทศ กล่าว