WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, March 6, 2008

ความต่างย้าย 2 ผบ.ตร.

แม้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะบอกว่า “พอได้แล้ว” แต่ควันหลงยังมีการพูดคุยกันในวงสนทนา และปรากฏเป็นข่าวและบทความทางหน้าหนังสือพิมพ์ ทั้งเห็นด้วยและคัดค้าน

อย่างเมื่อวันวาน มีการตั้งวงสนทนากัน 2 วง ที่มีเนื้อหาการสนทนากันคนละฝั่ง เห็นด้วยกับคัดค้าน หนังสือพิมพ์ก็ให้ความสำคัญแตกต่างกันด้วย

กลุ่มแรก บรรดาคณาจารย์ของคณะรัฐประศาสนศาตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง การโยกย้ายข้าราชการไม่เป็นธรรม โดยระบุความไม่เป็นธรรม 2 ประการ คือ

1.การโยกย้ายข้าราชการไม่เป็นไปตามหลักการบริหารคนที่ดี ทำให้กระทบต่อขวัญและกำลังใจของข้าราชการโดยรวม

2.ฝ่ายการเมืองแทรกแซงการบริหารงานของข้าราชการประจำ ทำให้สูญเสียความเป็นกลางทางการเมือง จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลตระหนักถึงคุณธรรมในการบริหารคนให้มากกว่าการใช้อำนาจตามตัวบทกฎหมายอย่างเดียว

อีกวงเป็นของสมาพันธ์ประชาธิปไตย จัดอภิปรายเรื่อง โยกย้ายบิ๊กข้าราชการชอบธรรมหรือชำระแค้น มี พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีตรอง ผบ.ตร. ซึ่งคนในแวดวงสีกากีทราบกันดีว่า เป็นคนที่รู้ตื้นลึกหนาบางของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ดีในเกือบทุกแง่ทุกมุม เป็นคนชูโรง ทำให้การอภิปรายเมื่อวันวานได้รับความสนใจจากนักข่าวพอสมควร

เนื่องจาก พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช เป็นนายตำรวจคนแรกที่ออกอาการ หลังจากที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ออกคำสั่งปลด พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และประกาศลาออกจากราชการ

ในวงอภิปรายนี้ เห็นด้วยกับการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงที่เพิ่งเกิดขึ้นแค่ 4 คนเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยกว่าที่ควรจะเป็นด้วยซ้ำ เมื่อเปรียบเทียบกับการย้ายข้าราชการระดับสูงของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. เมื่อเข้ามายึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

แต่ละคนที่ถูกย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือย้ายไปอยู่ในตำแหน่งที่ด้อยกว่า ไม่ได้มีความผิดอะไร ไม่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน

เพียงแต่มีความใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 10 และนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 26 เท่านั้น และที่โดดเด่นคงจะเป็น พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ มีผลงานพิสูจน์ได้ แต่ถูกย้ายออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพียงเพราะเป็นพี่ชายของ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ทำให้เสียโอกาสที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะก่อนที่จะถูกย้ายนั้น กำลังจ่อคิวขยับขึ้น ในฐานะอาวุโสอันดับหนึ่ง อาวุโสกว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ด้วยซ้ำ

ต่อมาเมื่อรัฐบาลที่ตั้งขึ้นมาจาก คมช. ที่เรียกกันว่า รัฐบาลขิงแก่ มี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ทำงานไปได้ประมาณเดือนสองเดือน ก็เริ่มหวั่นไหวกับการที่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการโหมกระหน่ำโจมตี พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีต ผบ.ตร. ยังคงรับใช้อำนาจเก่า ในทำนองว่าเหมือนกับจะรู้อะไร จึงเดินทางไปราชการที่ภาคใต้ เมื่อเกิดระเบิดขึ้น 9 จุดในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร แทนที่จะรีบขึ้นมาตรวจที่เกิดเหตุ สั่งการเร่งรัดให้ตำรวจจับกุมตัวคนร้ายให้
เพราะตอนนั้นมีการตั้งธงกันไว้ว่าเป็นฝีมือของสมุนอำนาจเก่า

ทั้งๆ ที่ในห้วงเวลาปีเศษที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่ไปเรียกหาเผด็จการ ชุมนุมขับไล่อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร นั้น พล.ต.อ.โกวิท ได้วางตัวเป็นกลางอย่างเห็นได้ชัด

แต่บังเอิญว่าหลังจากมีการทำรัฐประหาร พล.ต.อ.โกวิท เร่งรีบรับ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เพื่อนร่วมรุ่น นรต.26 ของอดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาเป็นตำรวจ หลังจากลาออกจากผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และบังเอิญพนักงานสอบสวนคดีต่างๆ ที่กลุ่มพันธมิตรฯ ถูกแจ้งความกล่าวหา ได้สรุปสำนวน จึงกล่าวหาว่า พล.ต.อ.โกวิท เป็นผู้เร่งให้สรุปสำนวน

ทำให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ขีดเส้นตายให้ พล.ต.อ.โกวิท จับกุมตัวมือวางระเบิดให้ได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ในเมื่อผู้ลอบวางระเบิดเป็นมืออาชีพ ไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้เลย และที่ยากขึ้นอีกหลายเท่าก็เมื่อผู้มีอำนาจบางคนชี้นำรูปคดีไว้ล่วงหน้า

พล.ต.อ.โกวิท จึงถูกย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยไม่ได้มีความผิดอะไรเลย

ขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ถูกย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นคำสั่งที่ออกหลังจากที่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน จะผิดจะถูกก็ต้องรอผลการสอบสวน แต่นั่นหมายความว่ามีข้อกล่าวหา

แต่...ด้วยความดัดจริต กองเชียร์ออกมาโวยวายกล่าวหาว่าเป็นการรังแกข้าราชการประจำ ที พล.ต.อ.โกวิท ไม่มีความผิด แต่กระหน่ำโจมตีกันเป็นลูกระนาด

นี่คือความต่างที่เห็นได้ชัด