WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, March 7, 2008

‘โกตั๊บ แซ่ลิ้ม'ผิดซ้ำซาก!มิรู้สำนึก

คงต้องบอกว่า เป็นเรื่องน่าเศร้าใจจริง ๆ และถือเป็นเวรกรรมของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศที่มีคนอย่างนายโกตั๊บ แซ่ลิ้ม หรือปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันดีในนาม ‘สนธิ ลิ้มทองกุล' ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และอดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาอยู่อาศัยร่วมแผ่นดินไทย

วันนี้ หากเอ่ยถึงนาย ‘สนธิ' แล้ว เชื่อได้ว่า น้อยคนนักจะไม่รู้จักจอมอหังการที่ใช้สื่อต่าง ๆ เป็นเครื่องมือในการใส่ร้ายป้ายสีสารพัดเรื่องต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงการกล่าวหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูงที่คนไทยให้ความเคารพเพื่อประโยชน์ของตนเอง และพวกพ้องจนนำไปสู่เหตุการณ์รัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน ปี 2549

แน่นอน ความสำเร็จของนายสนธิต้องจารึกเอาไว้ประวัติศาสตร์ชาติไทยถึงอานุภาพของสื่อในยุคสมัยใหม่ และอัจฉริยะภาพส่วนตัวของนายสนธิเองที่มีส่วนสำคัญยิ่งในการโค่นล้มพ.ต.ท.ทักษิณทั้งทางตรง และทางอ้อม แต่ในเวลาเดียวกัน ผลดีที่ได้รับก็คือ ทำให้คนไทยได้หูตาสว่างมากขึ้นจากความจริงต่าง ๆ หลังจากที่มืดบอดมานาน

การเดินหน้าถล่มโจมตีอย่างไม่หยุดยั้งต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเดินทางกลับประเทศไทยในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์หลังจากลี้ภัยในต่างประเทศนานร่วม 18 เดือนนับตั้งแต่เหตุการณ์รัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน ปี 2549 แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากประชาชนกำลังบ่งชี้อย่างชัดเจนถึงความพ่ายแพ้อย่างหมดรูปของนายสนธิ และพวกพ้อง

ด้วยเหตุนี้เอง การใช้กลยุทธ์เดิม ๆ ของนายสนธิ โดยเฉพาะการยัดเยียดข้อกล่าวหาในเรื่องหมิ่นสถาบันเบื้องสูงของพ.ต.ท.ทักษิณจึงย้อนกลับมาให้เห็นอีกครั้ง โดยเชื่อว่าอาจจะมีประชาชนหน้าโง่อีกนับหมื่นนับแสนที่หลงเชื่อคำพูดตนเอง

และมาถึงวันนี้ นายสนธิยังไม่เลิกสันดานชั่วช้าของตนเองที่พยายามจะทำเช่นนั้นอีก ดังจะเห็นได้จากความพยายามโยงใยไปถึงสถาบันเบื้องสูงอีกครั้ง โดยหยิบยกมาจากข้อความตอนหนึ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์นิตยสารไฟแนนเชียล ไทม์เมื่อวันจันทร์ที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมาเกี่ยวกับสถานการณ์ต่าง ๆ และภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่ถูกทำลายจนยับเยินจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)

นี่แหละฝีมือของนายสนธิ ที่ใช้สื่อแทบทุกชนิดทุกประเภทเป็นเครื่องมือในการใส่ร้ายป้ายสีทำลายคนอื่น และยังใช้เป็นเครื่องมือในการโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

อันที่จริงแล้ว การแสดงความเห็นของพ.ต.ท.ทักษิณในนิตยสารไฟแนนเชียล ไทม์เป็นเพียงแค่ในฐานะพลเมืองคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีตำแหน่ง หรือฐานะใหญ่โตอันใดในคณะรัฐบาลชุดปัจจุบันภายใต้การนำของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และที่สำคัญการแสดงความเห็นดังกล่าวเป็นสิทธิอันชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตย....ไม่ใช่เผด็จการ

หากใครก็ตามที่ได้อ่านจากต้นฉบับที่เป็นภาษาอังกฤษ หรือที่ได้รับการแปลเป็นภาษาไทยในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์แล้ว สิ่งที่ต้องยอมรับก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณพยายามชี้ให้เห็นความจริงที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน ปี 49

แน่นอน ความเสียหายจากเหตุการณ์รัฐประหารในวันนั้นจนถึงวันนี้ ยากที่จะประเมินผลกระทบได้ทั้งด้านเศรษฐกิจ หรือสังคม และการเมือง แต่ที่เห็นชัดเจนก็คือ ประเทศไทยต้องก้าวถอยหลังไปหลายปี ความเชื่อมั่นทั้งในประเทศ และต่างประเทศลดวูบจนแทบไม่มีใครอยากจะคบค้าสมาคมกับประเทศไทย กระทั่งย้อนกลับมาส่งผลร้ายต่อประชาชนชาวไทยทุกคนในที่สุด

ในบทสัมภาษณ์ยังชี้ให้เห็นถึงผลกระทบต่าง ๆ จากการก่อรัฐประหารจนตกมาสู่รัฐบาลชุดปัจจุบัน คำแนะนำในการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังรุมเร้าเข้ามา ความตั้งใจจริงของอดีตนายกฯทักษิณที่ยังคงห่วงชาติบ้านเมือง ต้องการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าทัดเทียมกับประเทศอื่น ๆ

ที่สำคัญที่สุดก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณต้องการรักษา และธำรงไว้ซึ่งสถาบันกษัตริย์ให้คงอยู่คู่กับประเทศไทยตราบนานเท่านานท่ามกลางกระแสโลกาภิวัตน์ที่ยังคงโหมแรงทุกขณะ

หากพิจารณาให้ดีแล้ว สิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณพูดอย่างชัดเจนในการให้สัมภาษณ์ไฟแนนเชียล ไทม์ก็คือ สถานการณ์ประเทศไทยจากเหตุการณ์รัฐประหารที่ผ่านมาจะเลวร้ายลงยิ่งกว่านี้หากไม่มีสถาบันกษัตริย์ของเมืองไทยที่มีความเข้มแข็ง และได้รับความเคารพอย่างมากทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้เอง จึงไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะสนับสนุนข้อกล่าวหาของนายสนธิได้

หากจำกันได้ ศาลอาญารัชดาเคยพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 3 ปีโดยไม่รอลงอาญาต่อนายสนธิกรณีแอบอ้างสถาบันกษัตริย์ รวมทั้งใช้เลห์เพทุบายเพื่อประโยชน์ในการยุยงปลุกปั่นประชาชนให้แตกแยกเป็น 2 ฝ่ายหวังโค่นล้มอดีตนายกฯทักษิณที่ถูกใส่ร้ายป้ายสีว่าไม่มีความจงรักภักดี แต่นายสนธิยังถือว่าโชคดีที่ศาลท่านเมตตาอนุญาตให้ประกันตัวไปสู้คดีกันต่อไป

ดังนั้น จึงถือได้ว่า เหตุการณ์ และบทเรียนต่าง ๆ ที่ผ่านมามิได้ทำให้นายสนธิเข็ดหลาบ หรือสำนึกกับความผิดของตนเองแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับเพิ่มความหยิ่งผยองพองขนโดยไม่สนใจหลักกฎหมายของชาติบ้านเมือง

ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ชะตากรรมของนายสนธิจะเป็นเช่นใดก็ขึ้นอยู่กับผลกรรมของนายสนธิที่ก่อเอาไว้นั่นแหละ แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ ตอนจบไม่น่าจะแฮปปี้ เอ็นดิ้ง แน่นอน


จาก hi-thaksin