WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, July 14, 2008

ป.ป.ช. ที่ไม่ทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง

คอลัมน์ : ละครชีวิต

หลังการสิ้นสลายหายไปของ คตส. ที่เคยทำหน้าที่เป็นหัวหอก เป็นผู้นำในการเข่นฆ่า ทำลายล้างผู้คนในรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ต่อเนื่องมาจนถึงรัฐบาลพรรคพลังประชาชน โดยท้าทายต่อความถูกต้องชอบธรรมและสายตาประชาชน พลันก็ปรากฏบทบาทของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขึ้นมาทดแทน และรับช่วงต่อ

ดูเหมือนว่า ป.ป.ช. จะมีรัศมีการทำลายล้างรุนแรงยิ่งกว่า และมีพลานุภาพน่ากลัวยิ่งกว่า เนื่องจากเป็นคณะกรรมการที่ได้รับการรับรองทั้งอำนาจ หน้าที่ และอายุการทำงาน โดยรัฐธรรมนูญ

แต่ทว่า เมื่อตรวจสอบความเป็นมาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดนี้แล้ว กลับพบเห็นความไม่ปกติ และน่าจะเป็นความไม่ปกติที่ขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ซึ่ง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้พูดออกรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ไปแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็คือว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดนี้ เป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากพระมหากษัตริย์ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 246 บัญญัติไว้ว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประกอบด้วย ประธานกรรมการคนหนึ่ง และกรรมการอื่นอีกแปดคน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภา

แต่ทว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดนี้ มีที่มาจากการแต่งตั้งของคณะกรรมการปฏิรูปการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ คปค. ฉบับที่ 19 วันที่ 22 กันยายน 2549 แต่งตั้งบุคคล 9 คน เป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประกอบด้วย นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการ และกรรมการอีก 8 คน ได้แก่ นายกล้านรงค์ จันทิก นายใจเด็ด พรไชยา นายประสาท พงษ์ศิวาภัย ศ.ภักดี โพธิศิริ ศ.เมธี กรองแก้ว นายวิชา มหาคุณ นายวิชัย วิวิตเสวี และ น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล

ในขณะนั้น เป็นวันเวลาที่อยู่ภายใต้การปกครองของคณะเผด็จการ คมช. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ในฐานะประธาน คมช. หรือหัวหน้าคณะรัฐประหาร มีอำนาจล้นฟ้าท่วมแผ่นดิน จึงใช้อำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดย ขัดกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 ซึ่งบัญญัติว่า การแต่งตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์ ไว้ในมาตรา 6 ความว่า

“ให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรียกชื่อโดยย่อว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ประกอบด้วย ประธานกรรมการคนหนึ่ง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอื่นอีกแปดคน ซึ่ง พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภา”

แม้ในขณะนั้นจะไม่มีวุฒิสภา และยังไม่มีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติก็ตาม แต่ยังคงมีพระมหากษัตริย์ และกฎหมายก็ไม่ได้บัญญัติให้ผู้อื่น ไม่ว่าจะมีตำแหน่ง หรือมีอำนาจมากมายเท่าใดก็ตาม เป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงเท่ากับว่า การแต่งตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์เท่านั้น ประกอบกับคณะเผด็จการ คมช. ไม่ได้ยกเลิก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542

การแต่งตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2549 จึงเป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาว่า ขัดกับกฎหมายหรือไม่ มีความถูกต้องหรือไม่

เมื่อพิจารณาตรวจสอบที่มาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดนี้แล้ว จึงเห็นได้ว่า การแต่งตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ และ ละเมิดพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์

เป็นการแอบลักขโมยใช้พระราชอำนาจอย่างไม่บังควร ของหัวหน้าคณะรัฐประหาร ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง

ถึงแม้ว่ารัฐธรรมนูญ 2550 จะต่อท่อออกซิเจนให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดนี้ ทำหน้าที่ต่อไปได้ แม้ว่าจะผลัดยุคจากเผด็จการเป็นประชาธิปไตย ด้วยการต่ออายุให้อยู่ได้ครบ 9 ปี ไว้ในบทเฉพาะกาล แต่เมื่อคำนึงถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีที่มาจากการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งของพระมหากษัตริย์ ก็น่าจะตอบได้ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดนี้ มีความชอบธรรมที่จะอยู่ต่อไปหรือไม่

กล่าวได้ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดนี้ เป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช. ของคณะเผด็จการ คมช. เพราะได้รับแต่งตั้งโดยคำสั่ง คมช. ที่มี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ลงนาม ไม่ใช่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ของพระมหากษัตริย์ เนื่องจากพระมหากษัตริย์มิได้ทรงลงพระปรมาภิไธยโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง

แม้จะพ้นวันเวลาที่เผด็จการ คมช. ปกครองบ้านเมือง และประชาชนทั้งประเทศช่วยกันนำพาระบอบประชาธิปไตยกลับคืนสู่ประเทศไทยแล้ว แต่ทว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้ง 9 คน ซึ่งเป็นผลผลิตของเผด็จการ คมช. กลับไม่ยอมเลิกรา แต่ดื้อดึงและดันทุรังที่จะอยู่ต่อ และเป็นการอยู่ต่อโดยมีเป้าหมายเดียวกับเผด็จการ คมช. คือ ทำลายล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดนี้ จึงเป็นกากเดนเผด็จการที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในโลกประชาธิปไตย และกำลังออกอาละวาดฟาดฟันรัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ให้อยู่ในสถานภาพที่ทำงานให้ประชาชนไม่ได้ จึงเป็นสิ่งที่ต้องตั้งคำถามกันว่า...

“ประชาชนจะทำอย่างไรกับกากเดนเผด็จการ ที่กำลังทำลายรัฐบาลที่เป็นผลผลิตของประชาธิปไตย และการสร้างสรรค์ตัดสินใจของประชาชน”

เราจะยอมให้อำนาจเผด็จการ คมช. กดขี่ข่มเหงตัวแทนของประชาชนไปอีกนานเท่าไร

ถึงเวลาหรือยังที่ประชาชนจะต้องร่วมใจกันรื้อถอนอำนาจเผด็จการ คมช. ที่ซุกซ่อนอยู่ในองค์กร คณะกรรมการ และ

กฎหมายฉบับต่างๆ อย่างถอนรากถอนโคน เพื่อนำประชาธิปไตยที่สมบูรณ์กลับคืนสู่ประเทศไทย
ลงมือกันเถอะครับ