สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ได้แพร่ภาพการประกาศยุติการก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยหัวหน้าขบวนการที่เรียกว่า กลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ของประเทศไทย เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 17 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ท่ามกลางความสนใจของประชาชนทั่วไป และขณะเดียวกันก็มีการแสดงความยินดีจากกลุ่มประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ที่ต่างมุ่งหวังให้เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง และเป็นความสงบสุขที่เกิดขึ้นอย่างจีรังยั่งยืน
*โจรใต้เปิดแถลงข่าวสงบศึก
ทั้งนี้การประกาศดังกล่าวได้ประกาศเป็นภาษยาวี ก่อนที่จะแปลเป็นไทย เนื้อหาสรุปได้ว่า ทางกลุ่มได้ยุติการก่อความรุนแรงทุกชนิดในภาคใต้ของไทย ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม ที่ผ่านมา และขอให้หน่วยต่างๆ ที่ยังปฏิบัติการอยู่ยุติการกระทำทั้งหมด ไม่เช่นนั้นจะดำเนินการขจัดออกไปจากกลุ่มและจะถือว่าพวกดังกล่าวเป็นอาชญากรของประเทศ
พร้อมกันนี้ยังกล่าวด้วยว่า การยุติบทบาทเหตุการณ์นองเลือดในพื้นที่ภาคใต้ครั้งนี้ เป็นการนำมาซึ่งความสุขและสันติภาพของประเทศ โดยทางกลุ่มพร้อมอยู่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และต้องการสนับสนุนให้ทุกฝ่ายทุกศาสนาอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข และเฉลิมฉลองกับการหยุดก่อความไม่สงบในครั้งนี้ด้วย
*จับตาดูเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน
รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญทางด้านความมั่นคง ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า การนำเทปบันทึกภาพและเสียงผู้อ้างตนเป็นแกนนำและโฆษกกลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ของประเทศไทย โดยเนื้อหาเป็นลักษณะเสนอขอยุติการก่อปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น สามารถมองได้หลายแง่มุม ถ้าเทียบกับสถานการณ์ความรุนแรงปัจจุบันในพื้นที่ แต่แกนนำคนดังกล่าวอาจจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์และแนวร่วมในพื้นที่ได้ทั้งหมด
เนื่องจากวันนี้มีกลุ่มย่อยที่แตกตัวออกมาจากองค์กรเดิมมากมาย มีแนวทางและจุดยืนแตกต่างไปจากเดิมพอสมควร แต่คาดว่าแกนนำที่จะประกาศยุติความรุนแรงนั้น คงเสนอด้วยการออกแบบวิธีการควบคุมแกนนำกลุ่มกองต่างๆ ในพื้นที่ ส่วนตัวเชื่อว่า มีข้อเสนอมากมายจากแกนนำไปยังองค์กรและขบวนการในพื้นที่ และเชื่อว่าหลายสิ่งหลายอย่างแกนนำของขบวนการจะเห็น หรือคล้อยตามด้วยแน่นอน แต่ปัญหาคือเราจะมั่นใจได้ว่า เขาจับมือกันยุติความรุนแรงได้นานเท่าใด และเชื่อได้อย่างไรว่าจะไม่จับมือกันหลวมๆ เพื่อขอยุติความรุนแรงครั้งนี้
*นักวิชาการเชื่อลดระดับรุนแรง
นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญทางด้านความมั่นคง กล่าวต่อว่า การส่งสัญญาณยุติความรุนแรงของผู้ที่อ้างเป็นแกนนำครั้งนี้ อาจทำให้รัฐอยู่ในภาวะเสียเปรียบไม่น้อย เนื่องจากอยู่ในภาวะที่ยังไม่ทันตั้งหลัก หรือไม่พร้อมกับการเจรจา ที่สำคัญต้องศึกษาว่าขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่ ตามรูปการณ์เราเป็นฝ่ายที่ตั้งรับ ถ้าเขามีข้อเสนอเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ ขณะที่เรายังไม่มีผู้แทนทำหน้าที่มีอำนาจเต็ม อาจไม่เป็นผลดีต่อพื้นที่รวมถึงรัฐบาลเอง
รศ.ดร.ปณิธาน กล่าวด้วยว่า สถานการณ์อาจจะยุติในระยะเวลาสั้นๆ หลังองค์กรหรือขบวนการสามารถจับมือตกลงกันได้ แต่เมื่อเวลาทอดยาวออกไป ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดยังไม่ยอมวางอาวุธ วงจรความรุนแรง ก็จะปรากฏขึ้นอีกครั้ง สุดท้ายสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ ก็จะเป็นไปในลักษณะเช่นนี้ สำหรับการยุติครั้งนี้ เป็นเรื่องที่น่าฟังและน่าสนใจ และทำให้ความรุนแรงในพื้นที่ลดระดับลงได้ หรืออยู่ในภาวะมอด แต่ไม่ดับสนิท ประเด็นที่ต้องจับตามองคือ นักการเมืองในระดับท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นอีกจุดเชื่อมสำคัญ ที่จะมีส่วนอย่างยิ่งต่อสันติภาพในชายแดนภาคใต้ หลังการประกาศยุติความรุนแรงของกลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ของประเทศไทย
*ชี้เป็นเรื่องดีอย่าระแวงกันให้มาก
ด้าน ผศ.ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งดีที่ปัญหาซึ่งเรื้อรังมานานจะมีข้อยุติลงได้ด้วยสันติวิธี ประชาชนจะได้มีความปลอดภัย เลิกหวาดระแวง และไม่เห็นด้วยกับกลุ่มคนที่ตั้งข้อสงสัยเรื่องดังกล่าว
ส่วนทางภาครัฐเองก็จะต้องมีความระมัดระวัง ในเรื่องของการใช้ความรุนแรงกับประชาชนในพื้นที่ และคงต้องติดตามกันต่อไปว่าปัญหาจะสงบลงได้โดยเร็วหรือเปล่า
นายไพศาล พรหมยงค์ คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวว่า มีความรู้สึกว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วเกินไป ควรจะมีขั้นตอนหรือมีการเจรจากันมากกว่านี้ และสิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือหลังจากนี้ไปกลุ่มอื่นๆ จะมีการแสดงศักยภาพหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากเป็นไปตามที่กลุ่มนี้ประกาศก็เป็นสิ่งที่ดี
*ทหารเชื่อว่าเป็นข่าวดี
พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ ในฐานะโฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงข่าวการออกมาแถลงยุติการปฏิบัติการป่วนเมืองของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ โดยกล่าวว่า การออกมาแถลงครั้งนี้น่าจะมาจากการทำงานภาคประชาสังคม ซึ่งทางกองทัพไม่ได้เป็นผู้ประสานงานในเรื่องนี้ แต่เชื่อว่าหากมีการยุติการปฏิบัติการป่วนเมืองต่างๆ จริง จะส่งผลดีต่อการทำงานมวลชนของทหารแน่นอน
นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครยะลา ระบุถึงกรณีที่โฆษกผู้นำกลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ของประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์หยุดยิงและก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีผลย้อนหลังนับตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2551 เวลา 12.00 น. ที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า แถลงการณ์ดังกล่าวยังไม่สามารถยืนยันหรือทำการสรุปได้ว่า กลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ฯ จะปฏิบัติตามถ้อยคำแถลงการณ์จริงหรือไม่ ซึ่งหากเป็นจริงแล้วตนก็อยากเรียกร้องให้ ทำการชี้แจงเพิ่มเติมว่า กลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ฯดังกล่าวประกอบด้วยกลุ่มอะไรบ้าง เนื่องจากที่ผ่านมามีหลายกลุ่มก่อความไม่สงบอยู่มาก
*คนยะลายังงง-แต่ยอมรับดีใจ
นอกจากนี้หากเจตนารมณ์ของแถลงการณ์คือต้องการรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างแท้จริง ทางกลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ฯ ต้องทำการคืนอาวุธปืนที่ทำการปล้นไป จำนวน 2-3 พันกระบอก ช่วงตลอดระยะเวลา 4 ปี ทำการคืนกลับราชการ จึงจะเป็นเครื่องชี้วัดถึงความสงบสุขของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง ส่วนการวางกองกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อรักษาความปลอดภัยนั้น ยังคงมีการวางกองกำลังอย่างเข้มงวดเหมือนเดิม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้เป็นเทศกาลอาสาฬหบูชา และเข้าพรรษา และต้องรอดูสถานการณ์อย่างต่อเนื่องประมาณ 3- 6 เดือน จนกระทั่งสถานการณ์มีความชัดเจนมากกว่าในขณะนี้ ส่วนการเจรจาหารือกับรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องนั้น คงใช้เวลานับจากนี้อีกไม่นาน จะต้องมีการหารือเพื่อกำหนดทิศทางอีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม นายกเทศมนตรีเทศบาลนครยะลา กล่าวต่อว่า จนถึงขณะนี้ประชาชนในพื้นที่ยังคงมีท่าทีสงสัยกับคำแถลงการณ์ดังกล่าว แต่โดยภาพรวมแล้วประชาชนก็ดีใจ และยินดีเป็นอย่างยิ่งหากกลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ฯ จะปฏิบัติตามถ้อยคำที่ให้ไว้ในแถลงการณ์ โดยทั้งนี้ ตนในฐานะนายกเทศมนตรีเทศบาลนครยะลา ขอให้กำลังใจกับคณะทำงานของพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และ อดีต ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ทำงานเพื่อความสงบสุขของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง
*ฝ่ายตำรวจรอดูสถานการณ์
พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบใต้ดินในพื้นที่3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกาศยุติก่อความรุนแรงในพื้นที่ว่า ถือเป็นข่าวดีของประชาชนทั่วประเทศในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะกลับมาสงบประชาชนรักใคร่ปรองดองกันอีกครั้ง ซึ่งในส่วนของแนวทางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ขณะนี้ คงต้องรอท่าทีของรัฐบาลว่า จะมีการสั่งการให้ถอนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ ทหาร โดยจะต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้งว่า ยังคงเกิดเหตุความวุ่นวายอยู่หรือไม่ ซึ่งทางตำรวจ ยืนยัน หลังเหตุการณ์ในพื้นที่คลี่คลายลงพร้อมเข้าไปฟื้นฟูสภาพจิตใจและพัฒนาชุมชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ส่วนแนวคิดที่จะมีการสร้างกองบัญชาการ กองกำลังทหาร 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะยุติแนวคิดหรือไม่ คงต้องดูสถานการณ์อีกระยะ ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้
หลังจากกลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ของประเทศไทย แถลงการณ์ประกาศยุติการก่อการร้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่งผลให้บรรยากาศในพื้นที่ จ.ปัตตานี ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กองกำลังผสม ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองทั้งระดับตำบลอำเภอ หมู่บ้าน ได้เพิ่มความเข้มในการดูแลรักษาความปลอดภัยทุกพื้นที่ของจังหวัด โดยเฉพาะตามเส้นทางและย่านชุมชนต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีการจัดชุดกำลังนอกเครื่องแบบเพิ่ม ในการติดตามกลุ่มบุคคลเสี่ยงต้องสงสัยในพื้นที่ เพื่อเป็นการเฝ้าระวังกลุ่มคนร้ายเข้ามาก่อเหตุ
*“เชษฐา” ชี้มีการหารือต่อเนื่อง
พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ในฐานะอดีตผู้บัญชาการทหารบก และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีหัวหน้ากลุ่มใต้ดินในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เตรียมออกแถลงการณ์ยุติปฏิบัติการในพื้นที่เพื่อความสงบว่า เป็นการดำเนินการแก้ไขปัญหาซึ่งได้มีการเจรจามาอย่างต่อเนื่องทั้งในทางเปิดเผยและในทางลับ ซึ่งไม่สามารถให้รายละเอียดได้ รวมถึงชื่อของแกนนำกลุ่ม อย่างไรก็ตาม การดำเนินการครั้งนี้เป็นการตกลงโดยไม่มีข้อต่อรองใดๆ แต่ส่วนตัวมั่นใจว่าทางกลุ่มใต้ดินจะทำตามสัญญายุติการก่อเหตุ
พล.อ.เชษฐา ยังกล่าวด้วยว่า ยังไม่ต้องการให้ฝ่ายกองทัพและส่วนราชการเข้ามารับลูกในเรื่องดังกล่าว เพราะยังไม่มีความชัดเจนร้อยเปอร์เซ็นต์ ตนเองจะขอเป็นผู้รับผิดชอบ และหลังจากนี้ 2-3 วัน จะรายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบอย่างเป็นทางการ ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่านายกรัฐมนตรีรับทราบถึงการดำเนินการมาโดยตลอดอยู่แล้ว