คอลัมน์ : คิดในมุมกลับ ผู้ใหญ่ขอ
ข่าวนางเอก-อดีตนางเอก ที่มีปัญหากันในถองถ่าย กลายเป็นเรื่องสนุกปากไปทั่วเมือง อย่างน้อยก็สนุกกว่าทนฟังข่าวราคาน้ำมัน ข่าวคนคลั่งชาตินิยม หรือข่าวการเมืองที่เอาแน่เอานอนไม่ได้นั่นเป็นไหนๆ
คนหนึ่งเป็นดาราสาวดาวรุ่ง สวย เล่นละครเก่ง และมักจะมีข่าวฉาวๆ พอๆ กับข่าวเรื่องละคร (ซึ่งยังดีกว่านางเอกอีกหลายคนที่ดังด้วยข่าว แต่คนจำแทบไม่ได้เลยว่าเคยมีผลงานเรื่องอะไรน่าจดจำบ้าง) ขณะที่อีกคนเป็นนางเอกรุ่นพี่ อดีตนางงาม ไม่เคยมีข่าวเสียหาย จนกระทั่งแต่งงานมีครอบครัวและกลับมาเล่นละครอีกครั้งนั่นแหละ
เรื่องคงไม่ใหญ่โต ถ้านางเอกอดีตนางงามจะไม่เข้าแจ้งความ เนื่องจากทนการ “คุกคาม” ของคู่กรณีไม่ไหว เป็นการตัดสินใจโดยส่วนตัวของอดีตนางเอกและครอบครัว ที่สนับสนุนให้พึ่งพากฎหมายแทนการอดทนอดกลั้น ถึงกระนั้น ตอนนี้ก็ถูกสั่งให้ปิดปากกันไปหมดแล้ว ทั้งนางเอก-นางร้าย-กองถ่าย ด้วยเหตุผลง่ายๆ “ผู้ใหญ่ขอ (ร้อง)”
ผู้ใหญ่นี่เขามองไม่เหมือนเราชาวบ้านคนดูละคร ที่ว่าข่าวยิ่งฉาว ละครยิ่งดัง ยิ่งอยากดู แต่เขาคงมองว่ามันจะทำลายภาพลักษณ์นักแสดงในสังกัด โดยเฉพาะนางเอก
คนดูไม่รู้หรอกว่าใครผิดใครถูก แต่รู้แบบชาวบ้านว่า ใครทำผิดก็ควรจะได้รับผิดชอบในการกระทำของตัวเอง ในสังคมไทยเราไม่ค่อยได้เห็นหรอก…การรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง
เรามีแต่สอนให้ “ยอมๆ กันไป” ประนีประนอม จนลืมไปว่า แล้วก่อนที่คนคนหนึ่งจะทำร้ายคนอีกคนหนึ่งนั้น ทำไมมันไม่คิดไตร่ตรองดูก่อนบ้าง พอฝ่ายที่ (อาจ) ถูกกระทำ ลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิตัวเองบ้าง…ก็ได้แต่บอกให้ใจเย็น ยอม และให้อภัยกันท่าเดียว
การให้อภัย อาจเคยเป็นความภูมิใจของสังคมบ้านเรา แต่ต้องมาควบคู่กับการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น และที่สำคัญ การต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองกระทำ
ข่าวปัญหาดารา กับข่าวลูกผู้มีอิทธิพลที่หาเรื่องคนอื่นได้ง่ายๆ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย บางทีอาจมีจุดร่วมหนึ่งที่เหมือนกันคือ สะท้อนความเอาแต่ใจของบุคคลสาธารณะในประเทศนี้ ที่ทำตัวราวกับเชื่อว่า ถ้ามีเงินมีชื่อเสียงเสียแล้ว จะทำอะไรกับใครก็ได้…
กฎหมายหรือกระทั่งศีลธรรม คงถูกบังคับใช้แต่เฉพาะกับคนธรรมดาที่ไม่รวย และไม่ดัง เท่านั้นกระมัง