ทำท่าจะกลายเป็นเรื่องราวบานปลายและส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เมื่อกลุ่มพันธมิตรฯ หยิบเอากรณีเขาพระวิหารมาจุดประเด็นทางการเมืองและมีการพาดพิงกัมพูชาอยู่เนืองๆ รวมไปถึงล่าสุดที่ถึงกับเคลื่อนคนไปประจันหน้ากันถึงชายแดนนั้น
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 17 กรกฎาคม เครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดย นายวีระ สมความคิด ได้เคลื่อนขบวนรถกว่า 100 คัน เพื่อเดินทางไปที่ผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เพื่อเข้าไปกดดันให้รัฐบาล และทหารออกมาขับไล่คนกัมพูชาในบริเวณชายแดน โดยนัดรวมพลกันที่ถนนทางขึ้นเขาพระวิหาร บริเวณศาลหลักเมือง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
อย่างไรก็ดี ขณะที่รถขบวนพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตยเคลื่อนขบวนมาตามถนนหมายเลข 221 กันทรลักษ์ - เขาพระวิหาร ได้ประมาณ 20 กม. ได้มีชาวบ้านจากตำบลบึงมะลู อ.กันทรลักษ์ กว่า 100 คน ได้รวมตัวกันนำแผงเหล็กมาปิดกั้น เพื่อไม่ให้ขบวนรถผ่านไปได้ พร้อมทั้งชูป้ายข้อความ ระบุว่า "เราต้องการความสมานฉันท์ไม่ต้องการความขัดแย้ง" และ "จ.ศรีสะเกษ เราดูแลกันเองได้"
*ฉะแก๊งพันธมิตรฯชักศึกเข้าบ้าน
จากนั้นแกนนำพันธมิตรฯ ได้เข้าไปเจรจาขอเปิดเส้นทางการจราจร จนชาวบ้านยอมเปิดเส้นทางการจราจรให้หนึ่งเส้นทาง พร้อมกับตะโกนด่าต่างๆ นานา
เมื่อขบวนรถได้ขับเคลื่อนมาได้อีกประมาณ 10 กม.ก็เจอด่านสกัดอีกครั้ง โดยชาวบ้านจาก ต.เสาธงชัย 150 คน นำแผงเหล็กมาปิดกั้น โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.บึงมะลู และสภ.กันทรลักษ์ ได้นำกำลังจำนวน 50 นายมาตั้งแถวหน้ากระดาน เพื่อป้องกันการเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่าย จากนั้น นายวีระ สมความคิด ได้เข้าไปเจรจากับชาวบ้าน เพื่อขอเปิดช่องทางจราจร แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เปิดช่องทางให้ เนื่องจากให้เหตุผลว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นการเจรจาระดับผู้นำของทั้งสองประเทศ จึงได้ขอร้องให้ขบวนพันธมิตรฯ มาชุมนุมรอที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์
ชาวบ้านระบุด้วยว่าการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ อาจจะเป็นการชักศึกเข้าบ้านและทำให้ความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศเสียหาย เพราะในความเป็นจริง ชาวบ้าน 2 ประเทศอยู่ด้วยกันมานับสิบปีไม่เคยมีปัญหา
*กองทัพอากาศพร้อมดูแล24ชม.
ด้าน พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวถึงกรณีที่มีการสั่งการให้มีการวางกำลังทหารในพื้นที่ทับซ้อนบริเวณปราสาทเขาพระวิหารว่า นายสมัคร สุนทรรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยังไม่ได้สั่งการมายังกองทัพอากาศ แต่คิดว่านายกฯคงสั่งการกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก บ้างแล้ว
ส่วนกองทัพอากาศนั้น พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา คิดว่าทุกคนจะพยายามทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างลุล่วงไปด้วยดี โดยไม่ให้กระทบกับปัญหาใดๆ ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและเรื่องอื่นๆ ทั้งนี้ตนยังไม่ทราบกรณีที่นายกรัฐมนตรีเรียก ผบ.เหล่าทัพเข้าหารือ
เมื่อถามว่า มีการกำชับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทยและกัมพูชาเป็นอย่างไร พล.อ.อ.ชลิต กล่าววว่า การป้องกันดูแลเป็นหน้าที่ของกองทัพบก และตำรวจตระเวนชายแดน ส่วนกองทัพอากาศมีกองกำลังอยู่ที่ จ. นครราชสีมา และ จ.อุบลราชธานี และมีการเตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ไม่คิดว่าจะมีอะไรที่รุนแรง และหวังว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย
*เชื่อผู้ใหญ่มีการเจรจาแก้ปัญหาอยู่
“หากเกิดความรุนแรง เราเตรียมแผนในการอพยพประชาชนที่อยู่ในกัมพูชา โดยนักบินจากกองบิน 6 ก็พร้อมปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้หากมีความรุนแรงเกิดขึ้น เราสามารถปฏิบัติการได้ภายใน 1 ชั่วโมง ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้เตรียมการปฏิบัติ เรามีประสบการณ์ในการขนคนออกจากประเทศกัมพูชา ตอนที่มีการรัฐประหาร และการเผาสถานทูตไทย ในกัมพูชา สามารถปฏิบัติได้ไม่มีปัญหา” ผบ.ทอ.กล่าว
เมื่อถามว่า ขณะนี้ได้รับรายงานถึงความเป็นไปได้ ที่จะเกิดความรุนแรงระหว่างไทยกับกัมพูชาในช่วงนี้หรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า โดยทั่วไปผู้บังคับบัญชาระดับสูง ได้ติดต่อประสานพูดคุยกับทั้งกัมพูชาอย่างใกล้ชิดรวมทั้ง ผบ . เหล่าทัพที่ได้พบปะพูดคุยกันตลอด คิดว่าทุกฝ่ายพยายามที่จะแก้ไขสถานการณ์เพื่อไม่ให้ปัญหาขยายตัว
ต่อข้อถามว่า กลุ่มพันธมิตรฯ จะเคลื่อนกำลังไปชุมนุมบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร จะทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้นหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของประชาชนในการแสดงความคิดเห็น แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานที่ถูกต้องกับการเข้าไปเกินบริเวณพื้นที่ ที่เราควบคุมอาจจะเกิดปัญหาตามมา และขยายเป็นเรื่องใหญ่โต และเป็นอันตรายต่อผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ เรื่องนี้ตนคิดว่าน่าจะฟังคำเสนอแนะของผู้ที่ควบคุมพื้นที่ของกองกำลังสุรนารีที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้นำทั้งสองประเทศ ยังมีความเข้าใจกันดีหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ แต่ในส่วนของ ผบ.เหล่าทัพ ไม่มีอะไรกันเข้าใจกันดี ส่วนจะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประชาชนชาวไทยทุกคน ต้องช่วยกันดูแลและติดตาม
*"สมัคร"เรียกผบ.เหล่าทัพประชุมวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 18 กรกฎาคม เวลา 15.00 น. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เรียกผู้บัญชาการเหล่าทัพประชุม ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเตรียมการไปประชุมคณะกรรมการชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ที่จะมีขึ้น วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม ที่ จ.สระแก้ว
โดยมีรายงานข่าว พล.อ.เตีย บัน รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา พร้อมที่จะเจรจากับนายสมัคร อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปเจรจาด้วยตัวเองหรือไม่ โดยอาจจะมอบหมายให้ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ไปประชุมแทนหรือไม่
ทั้งนี้ นายเขียว กันญะริธ รัฐมนตรีกระทรวงสารสนเทศของประเทศกัมพูชา เปิดเผยว่า นายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา และนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ได้หารือกันทางโทรศัพท์แล้วด้วยบรรยากาศถ้อยทีถ้อยอาศัย และผู้นำสองชาติต่างก็เห็นพ้องว่าสองฝ่ายควรดำเนินความพยายามอย่างที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ขึ้น
*กัมพูชาอ้างทหารไทยรุกล้ำพรมแดน
นอกจากนี้นายเขียวกล่าวด้วยว่า รัฐมนตรีกลาโหมของสองชาติจะประชุมร่วมกันในวันจันทร์นี้ที่ประเทศไทย เพื่อหารือสถานการณ์ตึงเครียดล่าสุดเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนเขาพระวิหาร แต่ยังไม่มีการยืนยันแผนจัดการประชุมนี้จากรัฐบาลไทย
รัฐมนตรีสารสนเทศกัมพูชา ยืนยันด้วยว่า กัมพูชาจะไม่ใช้กำลังหากไม่ถูกโจมตีก่อน และได้ประจำการทหารเข้าไปตรึงกำลังในพื้นที่ประมาณ 380 นาย และเห็นว่าสถานการณ์ตอนนี้นิ่งแล้ว
ขณะที่ พลจัตวา เจีย เคียว ของกัมพูชาให้สัมภาษณ์ว่า เวลานี้ไทยได้เสริมกำลังทหารกว่า 400 นายเข้าประชิดใกล้พื้นที่ปราสาทเขาพระวิหาร มากกว่าเมื่อวานนี้ (16 ก.ค.) ที่มีทหารไทยอยู่แค่ประมาณ 200 นาย ขณะที่กองทัพกัมพูชาได้ส่งทหารกว่า 800 นายเข้าตรึงกำลังมากกว่าเมื่อวานนี้ที่มีอยู่ประมาณ 380 นาย
ทั้งนี้ทหารไทยรุกล้ำเข้าไปในพรมแดนกัมพูชาเพราะต้องการยั่วยุ แต่กัมพูชากำลังใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะถึงขั้นใช้กำลังอาวุธ