รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุ ไทยจำเป็นต้องมีการนำระบบรถไฟฟ้าขนาดเบามาใช้บริการในพื้นที่การจราจรคับคั่ง เพื่อเพิ่มทางเลือกในการเดินทาง
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงรูปแบบการนำระบบรถไฟฟ้าขนาดเบา (Monorail) มาให้บริการในประเทศไทย หลังทดสอบการให้บริการในประเทศญี่ปุ่นว่า ระบบดังกล่าวมีจุดเด่นที่มีความเบา เข้าถึงเมืองที่มีพื้นที่การจราจรคับแคบ เนื่องจากโครงสร้างมีเสาตอม่อขนาดเล็ก ใช้ล้อยางในการขับเคลื่อนการวิ่งให้บริการจึงเงียบ ไม่ดังรบกวนคนที่พักอาศัยอยู่โดยรอบเส้นทาง ใช้ความเร็วอย่างน้อยเฉลี่ย 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และที่สำคัญใช้งบประมาณในการก่อสรางถูกกว่าระบบรถไฟฟ้าทั้งยกระดับและใต้ดิน
ซึ่งมองว่ามีความเหมาะสมที่ประเทศไทยน่าจะศึกษาความเป็นไปได้ ในการนำระบบดังกล่าวมาให้บริการ เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกใหม่ในการเดินทางให้กับคนไทย ที่ต้องประสบกับปัญหาการจราจรที่คับคั่งในกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะในพื้นที่ที่หนาแน่น อย่างเช่น ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ ถ.ลาดพร้าว เป็นต้น ที่มีช่องการจราจรขนาดเล็กและมีปัญหาการเดินเท้าที่ติดขัดมากในปัจจุบัน
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยังได้เดินทางไปศึกษาระบบการให้บริการภายในสถานีรถไฟฟ้าชินจูกุ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะมาใช้เป็นต้นแบบในการก่อสร้างสถานีรถไฟกลางบางซื่อ ที่เป็นจุดเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะรูปแบบอื่น ทั้งรถโดยสารประจำทาง รถไฟฟ้าใต้ดิน ยกระดับ รถไฟชานเมือง และทางไกล สำหรับสถานีรถไฟฟ้าชินจูกุ เป็นสถานีหลักที่เชื่อมต่อระหว่างใจกลางเมืองกรุงโตเกียวไปในแต่ละพื้นที่ ทั้งทางไกลและทางใกล้ มีสายรถไฟฟ้าวิ่งผ่านถึง 11 เส้นทาง มีจำนวนรางรถไฟมากถึง 31 ราง จึงเป็นสถานีรถไฟที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้มากที่สุดในโลก ประมาณ 3.6 ล้านคนต่อวัน