คอลัมน์ : โต๊ะข่าวประชาทรรศน์
การเผชิญหน้ากัน ของคนไทยกับคนกัมพูชา ของทหารไทยกับทหารกัมพูชา จากกรณี “ปราสาทพระวิหาร” มีทีท่าว่าจะลุกลามบานปลายใหญ่โตออกไป เป็นเพราะมีนักวิชาการบางคนและกลุ่มคนที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาล ออกมาปลุกปั่นสร้างความสับสน สร้างความแตกแยก
โดยมี “สื่อ” ที่พยายามตั้งหน้าตั้งตา”เต้าข่าว” หวังเสี้ยมให้เกิดความแตกแยกความรุนแรงขึ้น
นับเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับความสัมพันธ์อันดี ในฐานะประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง ที่มีวัฒนธรรมชีวิตความเป็นอยู่ที่ใกล้เคียงใกล้ชิดกัน
เพราะในส่วนที่ยังมีปัญหา ที่ยังเป็นเรื่องคาใจ ก็ต้องหาทางแก้ปัญหา ต้องเอาความจริงมาเปิดเผย ต้องทำความเข้าใจกับคนในชาติและประเทศเพื่อนบ้าน
อย่างผู้ที่คิดดี คิดชอบ มีความหวังดี มีเจตนาดีจะพึงกระทำ
อย่าปล่อยให้ฝ่ายที่ต้องการให้เกิดความรุนแรงออกมาเล่นข้างเดียว จนเลยเถิดอ้างว่ามีเอกสารลับ และยกเอาประเด็นความรักชาติมาเป็นข้ออ้างตอกย้ำเป็นระลอก ต้องการให้เกิดกระแสการคลั่งชาติ
สำนักข่าวต่างประเทศก็รับลูกหยิบเอาไปประโคมขยายความ
ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้ กลุ่มผู้ต้องการให้เกิดความวุ่นวาย บังอาจเรียกตัวเองว่า กองทัพประชาชนพันธมิตรฯ ทวงคืนเขาพระวิหาร ซึ่งความจริงแล้วเป็นแค่คนกลุ่มเล็กๆเท่านั้น
พันธมิตรฯได้ส่งแกนนำและเกณฑ์คนมาร่วมในการสร้างความวุ่นวายในพื้นที่ โดยอ้างว่ามาให้กำลังใจทหาร แต่ถูกพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ออกมาต่อต้านขัดขวาง
เพราะรู้ดีว่าเจตนาของคนพวกนี้คืออะไร ต้องการอะไร
ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องและต้องทำ เพราะพวกเขาเป็นคนที่นี่ ยังต้องอยู่ตรงนี้ต่อไป ซึ่งต่างจาก กลุ่มพันธมิตรฯ ที่ต้องการมาสร้างความวุ่นวายให้เป็น “ข่าว” เมื่อสำเร็จความใคร่แล้วก็ หนีจากไป
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลและผู้บัญชาการระดับสูงของทั้ง 2 ฝ่ายที่จะทำความเข้าใจและคลี่คลายปัญหา
ซึ่งฝ่ายพันธมิตรฯ และเครือข่าย ทราบดีว่า จะเกิดอะไรขึ้น จึงพยายามทำลายความเชื่อถือความศรัทธาของรัฐบาลมาตลอด
การลงพื้นที่ประสาทเขาพระวิหารของแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า “ทัพหน้า”ที่ส่งไปนั้น ไม่สามารถทำได้อย่างที่คาดหวังไว้ และที่สำคัญเพื่อยึดพื้นที่ “สื่อ” สร้างข่าวมากลบ ความสำเร็จของ “งานมหกรรมมั่นใจไทยแลนด์ ดีแน่ ถูกแน่ เพื่อคนไทย” ที่รัฐบาลจัดขึ้น เพื่อยืนยันถึงความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในเบื้องต้น ซึ่งจะมีมาตรการที่ประชาชนจะได้รับประโยชน์ตามออกมาอีกในไม่ช้านี้
เชื่อว่ากลุ่มพันธมิตรฯเอง คงนึกไม่ถึงว่าจะมีคนมาร่วมงานกันอย่างล้มหลาม และคาดว่าจะมีเงินสะพัดถึง 3,000 ล้านบาท
ล่าสุด รัฐมนตรีกระทรวงสารสนเทศของกัมพูชา ออกมาบอกว่า นายกฯ ฮุนเซน ของกัมพูชา กับนายกฯ สมัคร สุนทรเวช ของไทย ได้หารือกันทางโทรศัพท์ ด้วยบรรยากาศถ้อยทีถ้อยอาศัย ซึ่งผู้นำทั้ง 2 ประเทศเห็นพ้องว่า ควรดำเนินความพยายามอย่างที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้
ข่าวดีๆอย่างนี้ อย่าหวังว่า ประชาชนจะได้รับทราบจาก “สื่อ” ที่ต้องการเสี้ยมให้เกิดความแตกแยกในบ้านเมือง
การที่ “น้องแก้ม” กวินตรา โพธิจักร ไปคว้าชุดแต่งกายประจำชาติยอดเยี่ยม จากเวทีประกวดนางงามจักรวาล ประจำปี 2551 ที่เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวของแฟชั่นและศิลปะมวยไทย ถือเป็นโอกาสที่ดีของการท่องเที่ยว
น่าเสียดายว่า สิ่งที่หลายคนพยายามทำ พยายามสู้เพื่อนำชื่อเสียงเกียรติยศมาสู่ประเทศไทย ต้องเสียโอกาสไปเพราะฝีมือของคนบางกลุ่มที่ต้องการดิสเครดิตรัฐบาล อย่างไม่ลืมหูลืมตา
และการที่ประเทศไทยได้รับตำแหน่ง ประธานอาเซียน ต่อจากสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจที่ได้รับเกียรตินี้ ซึ่งจะได้ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับภูมิภาคนี้
เพราะความรู้ความสามารถไม่ได้ด้อยกว่าใครในฐานะ”ผู้นำ”
แต่มีขบวนการที่ตามจองล้างจองผลาญ จ้องทำลายความน่าเชื่อถือ ความศรัทธาที่ได้รับความไว้วางใจในครั้งนี้ ทั้งจากภายในประเทศอย่างที่กระทำกันอยู่ในตอนนี้ และนอกประเทศโดยใช้”สื่อ”ประโคมออกไป
อย่าให้คนไม่รักชาติกลุ่มนี้มาทำลายเกียรติภูมิของประเทศอีกต่อไปเลย
บิ๊กโบ๊ต