คอลัมน์: ตะแกรงข่าว
ยืนยันอย่างหนักแน่นจากปาก นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ประกาศสู้ยิบตา ปรับใหญ่ ครม. เอาคนดีมีความสามารถเข้ามา ยืนหยัดทำงานแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและประเทศชาติต่อไป พร้อมถือหางเสือเพื่อให้เรือไปถึงฝั่งให้ได้ ท่ามกลาง “มรสุมทางการเมือง” ที่ถาโถมโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง เพื่อหวังโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็ตาม
และยังบอกด้วยว่า...กำลังทำเรื่องสำคัญให้บ้านเมือง
เรื่องสำคัญที่จะพูดนี้ ต้องติดตามให้ได้ในวันอังคารที่ 15 กรกฎาคมนี้ โดยจะนั่งแถลงคู่กับ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ออกมาแจงว่า สิ่งที่รัฐบาลได้ทำมาแล้ว ที่กำลังทำ และจะทำต่อไปนั้น ประชาชนจะได้อะไรอย่างไรบ้าง
อีกคนหนึ่งที่ยังยืนหยัดมั่นคงในการทำงาน คือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จากการเดินทางไปมอบนโยบายให้ผู้บริหารโรงเรียนในฝันที่ จ.ชลบุรี เป็นโครงการที่ได้รับความสนใจมาก เมื่อครั้งที่อดีต นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร จับเรื่องนี้มาทำให้เป็นไปตามนโยบายพัฒนาการศึกษาให้สัมฤทธิผล และเข้าสู่ระบบสากล เป็นการสานต่อโครงการ 1 อำเภอ 1 โรงเรียน
เป็นการสร้างโอกาส สร้างความเท่าเทียมกันในการศึกษาเล่าเรียน
และก็เป็นไปตามคาด การไปทำงานครั้งนี้ มีลิ่วล้อเครือข่ายของกลุ่มพันธมิตรฯ มาประท้วงเหมือนกับที่อื่นๆ เมื่อมีรัฐมนตรีออกไปทำงานในพื้นที่
คำตอบที่ได้รับจากปากของเจ้ากระทรวงศึกษาธิการคือ ไม่กลัว ไม่ย่อท้อ ไม่หวั่นไหวต่อการติฉินนินทา
เพราะความคิดของคนไม่เหมือนกัน หากมัวแต่งอมืองอเท้า กลัวนั่นกลัวนี่ โอกาสที่จะทำงานเพื่อเด็กและเยาวชนก็จะไม่ประสบความสำเร็จ
เป็นความมุ่งมั่นตั้งใจที่สังคมต้องให้การสนับสนุน คงไม่มีใครปฏิเสธว่า การศึกษาสร้างคน คนสร้างชาติ
ถ้าจะพูดให้ชัดคือ เป็นการจัดการศึกษา ที่ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนพ่อแม่ผู้ปกครองและชุมชนในท้องถิ่น ต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียน ซึ่งจะส่งผลถึงคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
หลักการสำคัญของโรงเรียนในฝันคือ จัดการศึกษาได้คุณภาพมาตรฐาน ปฏิรูปการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ สอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่น แข่งขันได้ในระดับสากล จัดบรรยากาศการเรียนรู้เอื้อต่อการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียน และมีความเป็นประชาธิปไตย
เป็นตัวอย่างของการจัดการขั้นพื้นฐาน ในระดับอำเภอให้มีมาตรฐานเทียบเคียงกับโรงเรียนชั้นนำ เป็นที่ยอมรับศรัทธาของนักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชน ที่เน้นการมีส่วนร่วม
มีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ บริหารคุณภาพทั้งระบบ มีความคล่องตัวรวดเร็ว ทันสมัย มีผู้บริหาร บุคลากร
ทางการศึกษามืออาชีพและมีจำนวนเพียงพอ
ที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นเรื่องดีที่ต้องรีบทำ
และมีสิ่งต้องทำควบคู่กันไปคือ การเพิ่มงบประมาณด้านการศึกษา ในการปรับปรุงคุณภาพทางการศึกษา ครูอาจารย์ต้องพอใจในผลตอบแทนที่ได้รับ เพื่อจูงใจให้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถมาประกอบอาชีพนี้
สิ่งที่ได้รับคือ เด็กและเยาวชนไทยมีโอกาสได้รับการศึกษาในโรงเรียนที่มีคุณภาพ ส่งผลให้เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของประเทศในอนาคตต่อไป
มีโรงเรียนที่มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับเชื่อมั่นของสังคมไทย พร้อมทั้งมีมาตรฐานเท่าเทียมกันกระจายอยู่ทุกอำเภอทั่วประเทศ
เป็นการลดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้เป็นอย่างดี
การได้เล่าเรียนใกล้บ้าน สิ่งที่จะได้รับนอกจากความรู้และความสะดวกสบายในการเดินทางแล้ว ยังเป็นความอบอุ่นในครอบครัว เด็กพวกนี้สามารถช่วยเหลือครอบครัว มีส่วนร่วมกับท้องถิ่นในการพัฒนา การบริหารจัดการ ไม่ต้องมาหาที่เรียนในเมือง หรือมาแย่งที่เรียนในเมืองในจังหวัด โอกาสที่จะเสียผู้เสียคน จากสภาพสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆ ตัว ความฟุ้งเฟ้อทางด้านวัตถุ ที่พร้อมจะชักจูงให้ออกนอกลู่นอกทาง
ในที่สุด ถ้าไม่สามารถเอาตัวรอดได้ ก็จะต้องเป็นปัญหาให้กับสังคม
นอกจากการแก้ปัญหาของประชาชนและประเทศชาติแล้ว อย่างที่นายกฯ สมัคร สุนทรเวช ประกาศแล้ว รัฐบาลต้องให้คนในชาติรู้ทันการปลุกปั่นยุยง โดยมีสื่อต่างๆ รับลูกเผยแพร่ข้อมูลของ “ผู้ที่ไม่หวังดี” ต่อรัฐบาลและประเทศชาติ เผยแพร่ไปทุกพื้นที่
ทำอย่างไร ให้เด็ก เยาวชน และประชาชน สามารถพินิจพิเคราะห์ สามารถแยกแยะสิ่งที่แอบแฝงปลอมปนมากับ “ข้อมูลข่าวสาร” ที่ได้รับ
ทำอย่างไร ที่จะกระตุ้นคนให้มีความคิดสร้างสรรค์ และมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยทุกระดับ
เป็นการเตรียมคนที่มีคุณภาพให้กับสังคมไทย
นี่จะเป็นความจริงที่พิสูจน์ได้ ถึงการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ เป็นรอยยิ้มแห่งความเสมอภาคของคนทั้งแผ่นดิน เป็นความภูมิใจที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากรัฐบาล และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เป็นความดีงามที่มั่นคงและยั่งยืน ให้กับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
การชุมนุมประท้วงของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ผ่านมา มีความพยายาม “ปั่นหัว” ให้คนในสังคม ที่ไม่มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง คล้อยตามเห็นดีเห็นงามกับการกล่าวหาโจมตีให้ร้ายจากข้อมูลที่บิดเบือน แฝงเร้น จึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
ทำให้ “ปัญญา” ที่มีอยู่ต้องฝ่อลงไป กลายเป็น “จุดอันตราย” ของความคิด เห็นได้ชัดจากการปลุกปั่นอ้างความ “รักชาติ” ให้กลายเป็นการ “คลั่งชาติ” อย่างไม่ลืมหูลืมตา
บทเรียนจากการไม่ให้ความสำคัญ และขัดขวางการเรียนการสอนที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้พันธมิตรฯ ต้องพ่ายแพ้ให้กับเด็กนักเรียนโรงเรียนราชวินิตมัธยม อย่างน่าอดสูยิ่งนัก
เพราะลดตัวไปตอแยกับเด็ก จนถูกเด็กถอนหงอก ต้องกระเจิงกลับไปตั้งหลักที่สะพานมัฆวานรังสรรค์กันใหม่
ที่กล้าทำอย่างนี้ เพราะความเหลิงแท้ๆ เนื่องจากไม่มีใครอยากเอาไม้สั้นไปรันขี้ ทำผิดมาจนเคยตัว มองทุกอย่างเพียงด้านเดียว คือมองเข้าข้างตัวเองว่า สิ่งที่ได้ทำมานั้นเป็นความถูกต้อง ทั้งๆ ที่เป็นการ “เติมทุกข์” ให้กับประชาชน
ต้องได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของม็อบพันธมิตรฯ ซึ่งจะต้องมีคนรับผิดชอบ จากการเล่นการเมืองนอกระบบ
แทนที่จะสำนึก กลับไปสร้างปัญหากับผู้ใหญ่ที่กระทรวงศึกษาธิการอีกแล้ว บ้านเมืองจะวุ่นวายไม่เลิก
อย่างนี้ไม่เรียกว่า “แกล้งโง่ จนโง่จริงๆ” ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไร อย่าปล่อยให้ “สังคมคนโง่” แพร่เชื้อร้ายไปสู่ลูกหลานไทยเลย
อัฐศิริ