หมดไส้หมดพุงเลย
1 ชั่วโมงกับอีก 35 นาที เต็มเหยียด ที่ “ลุงหมัก” นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ขอใช้เวลาเดี่ยวไมโครโฟน ในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
เฉพาะประเด็นที่ได้แต้ม
จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีแน่นอน และเป็นการปรับใหญ่เพื่อนำคนดีมีฝีมือมาช่วยบริหารบ้านเมือง เพิ่มความแข็งแรงให้รัฐบาล
โดยจะรอฟังผลคดีหวยบนดินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก่อนเพราะมีรัฐมนตรีเกี่ยวข้องถึง 3 คน
ในวันอังคารที่ 15 กรกฎาคม เวลา 13.30 น. หลังประชุม ครม. นายกรัฐมนตรีจะร่วมกับรัฐมนตรีแถลงข่าวใหญ่ โชว์ผลงาน 5 เดือน
พร้อมทั้งแนวทางการทำงานเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดต่อขอซื้อน้ำมันดีเซลจากประเทศรัสเซีย ที่แม้จะมีคุณภาพเทียบเท่าน้ำมันดีเซลที่ใช้ในประเทศไทยเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แต่ราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซลที่ใช้ในปัจจุบันถึงลิตรละ 8 บาท
เชื่อว่าจะสามารถนำเข้ารอบแรกได้ภายใน 60 วัน และจะส่งเสริมให้มีการนำเข้าต่อเนื่องเดือนละ 3 แสนตัน หรือร้อยละ 25 ของการใช้ในประเทศ
เหล่านี้คือ “มัดจำล่วงหน้า”
ลีลาล่อใจของ “ลุงหมัก” ที่ยกมาเดิมพันวัดดวงกับสารพัดวิบากกรรมโหดที่ดักรออยู่
ไล่ตั้งแต่คดีที่สมาชิกวุฒิสภาเดินเกมยื่นถอดถอน ครม.ทั้งคณะ ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไล่บี้ไล่ต้อนกรณีปราสาทพระวิหาร
หมัดน็อกให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที
ไหนจะคิวยุบพรรคพลังประชาชนจากกรณีใบแดงของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร จ่อด้วยวันเข้าสู่แท่นประหารของพรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตย รวมถึงพรรคเพื่อแผ่นดิน
ล้างป่าช้าพรรคร่วมรัฐบาล
ยังไม่นับเข้าแฟ้มคดีส่วนตัวของ “ลุงหมัก” ทั้งรายการรถและเรือดับเพลิง กทม. คดีหมิ่นประมาทนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เว้นแม้แต่รายการชิมไปบ่นไปยังได้ลุ้นเสียว
หว่านแหดักกันเลย
แม้จะเสียงแข็งในอารมณ์ตอบโต้ แต่โดยความรู้สึกส่วนลึก “ลุงหมัก” พูดไปก็ปลงไป
ไม่รู้ชะตาเหมือนกัน จะโดนสอยเมื่อไหร่
และก็เป็นอีกคิวที่ไม่ต้องกั๊กเก็บอาการกันอีกต่อไป “ลุงหมัก” ดักคอดังๆ มันไม่ยุติธรรมที่ ป.ป.ช.ซึ่งมาจากการแต่งตั้งของคณะปฏิวัติไม่ได้ผ่านการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ไม่ได้ผ่านการถวายสัตย์ปฏิญาณ แต่จะมาตัดสิน ครม.ที่มาจากการเลือกตั้ง และผ่านการถวายสัตย์ปฏิญาณตน
ปรามาสกันซึ่งๆหน้า บลัฟกันแรงๆ
เช่นเดียวกับคิวยุบพรรค “ลุงหมัก” ก็ปูดข้อมูลคดีใบแดงที่จังหวัดอุบลราชธานี แม้ไม่เอ่ยตรงๆ แต่ก็เข้าใจได้ว่า เป็นคิว
วัดใจ 5 เสือ กกต.ชุดใหญ่
มาตรฐานจะเหมือนกับคิวใบแดงของพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรคเพื่อแผ่นดิน หรือไม่
“ลุงหมัก” ลุ้นให้ประชาธิปัตย์โดนบ้าง จะได้รู้สึก
โดยเกมการต่อสู้เพื่อยื้อชะตา สถานการณ์บีบให้ “ลุงหมัก” ต้องเปิดหน้าแลกหมัดแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
แต่นั่นก็แค่รายการคั่นเวลาประกอบฉาก
เพราะธงของ “ลุงหมัก” ตีออกมาแล้ว ในเมื่อทุกอย่างเกิดจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 วรรค 2 และมาตรา 237 วรรค 2 ที่มีการเขียนโดยคณะปฏิวัติ วางแผนเป็นขั้นเป็นตอน ป้องกันพรรคการเมืองบางพรรคไม่ให้ถูกยุบพรรค ขณะที่พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมา-ธิปไตย รวมทั้งพรรคเพื่อแผ่นดินกำลังจะถูกสั่งยุบพรรค
จึงจำเป็นต้องแก้ที่ต้นเหตุ คือ รัฐธรรมนูญฉบับนี้
โดยสัญญาณล่าสุดที่ส่งออกมา ชัดเจนว่า สภาเปิดเมื่อไหร่ “ลุงหมัก” สั่งลุยรื้อทันที
ตีธงสู้ตายยังได้ลุ้นกว่านั่งรอวันสังหารหมู่.