
ยังคงท้าทายไม่เลิก เมื่อ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทำการกล่าวปราศรัยพาดพิง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บนเวที โดยมีการกล่าวถึงในทำนองว่า ระบอบทักษิณ พยายามแทรกแซงทหาร เพื่อจะทำการซื้อผู้บังคับบัญชา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และองค์กรอิสระ พร้อมทั้งมีการกล่าวในเรื่องราวเดิมๆ อาทิเช่น การพยายามล้มล้างสถาบันเบื้องสูง บนเวทีข้างถนนของกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา
พฤติกรรมท้าทายดังกล่าวอาจเป็นการสุ่มเสี่ยงเข้าข่ายขัดคำสั่งของศาลแพ่ง โดยเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ห้องพิจารณาคดี 710 ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำสั่งร้องขอคุ้มครองชั่วคราว ในคดีดำที่ 3675/2551 ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล กับพวกเรื่องละเมิด กรณีที่นายนธิ ปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ พาดพิง โดยศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามเฉพาะนายสนธิ กล่าวพาดพิงถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ในทางเสียหาย
เมื่อผู้สื่อข่าวทำการสอบถามไปยัง นายวรวัฒน์ กุสลางกูรวัฒน์ เลขานุการศาลแพ่ง ได้ระบุว่า จากกรณีดังกล่าวนั้น เป็นหน้าที่ที่ฝ่ายโจทก์ ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่เคยทำการยื่นเรื่องฟ้องร้องไปก่อนหน้านี้ ทำการยื่นหลักฐานอันจะชี้ได้ว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ทำการกล่าวปราศรัยบนเวทีพาดพิงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในทางเสียหาย หรือที่ฝ่ายโจทย์คิดว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายขัดต่อคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ทำการยื่นต่อศาลอีกครั้งหนึ่ง
จากนั้นศาลจะทำการพิจารณาหลักฐานตามกระบวนการ โดยอาจเรียกทั้ง ฝ่ายโจทย์ และฝ่ายจำเลย เข้าทำการไต่สวนตามกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อพิจารณาว่าถ้อยคำที่นายสนธิ นำขึ้นกล่าวปราศรัยนั้น ขัดต่อคำสั่งศาลจริงหรือไม่
“ต้องให้ฝ่ายโจทก์ทำการยื่นคำร้องต่อศาลอีกครั้ง โดยนำหลักฐานที่อ้างว่านายสนธิกล่าวพาดพิง อดีตนายกรัฐมนตรีในทางเสียหาย และฝ่ายจำเลยอาจจะมีหลักฐานมาหักล้าง ซึ่งศาลจะทำการพิจารณาไต่สวนตามกระบวนการอีกครั้งหนึ่ง ว่ามีการปฏิบัติขัดคำสั่งศาลหรือไม่ ใช้ถ้อยคำที่ทำให้เกิดความเสียหายหรือไม่ ตอนนี้เราไม่อาจจะชี้ชัดได้ว่า นายสนธิกระทำการขัดหรือไม่ ต้องรอดูท่าที่ของฝ่ายโจทย์ ซึ่งเป็นผู้เสียหายอีกทีว่าจะทำการฟ้องหรือเปล่า ถ้ายื่นมา ศาลก็ต้องทำการพิจารณาอยู่แล้ว” เลขานุการศาลกล่าว
ทั้งนี้เมื่อสอบถามไปยังนักกฎหมายก็ได้รับคำตอบในทิศทางเดียวกัน โดยนายนริทนร์พงษ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมนักกฎหมายแห่งประเทศไทย ทำการกล่าวในเชิงหลักการว่า กรณีเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ฝ่ายโจทก์ต้องทำการยื่นคำร้องต่อศาลโดยแจ้งว่า ตามที่ศาลได้สั่งห้ามจำเลยกระทำผิดตาม บัดนี้ได้ปรากฎชัดเจนตามหลักฐานแล้วว่า จำเลยมิได้ดำเนินการตามคำสั่ง และยังละเมิดโดยการประพฤติซ้ำ จนทำให้เกิดความเสียหาย จึงขอให้ศาลทำการพิจารณาใหม่อีกครั้ง
ทั้งนี้จาการที่ฝ่ายโจทก์ ทำการยืนฟ้อง ว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล หรือจำเลย ได้ทำผิดมาตรา 423 ในเรื่องละเมิด จากนั้นศาลได้ทำการคุ้มครองชั่วคราว นั่นก็หมายความถึงจำเลยต้องไม่กระทำผิดซ้ำสอง ซึ่งหากมีหลักฐานที่ปรากฎแน่ชัดว่า นายสนธิมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายขัดคำสั่งของศาลจริง ต้องเป็นเรื่องที่ฝ่ายโจทก์จะทำการยื่นคำร้องต่อศาล พร้อมหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นภาพซีดี หรือการบันทึกเสียงของนายสนธิ ที่มีวาจาพาดพิง ให้ฝ่ายโจทก์เกิดความเสียหายก็ตาม เพื่อให้ศาลนำไปประกอบการพิจารณา ซึ่งจะเข้าสู่ระบบไต่สวน โดยโทษความผิดของจำเลยจะอยู่ที่ดุลยพินิจของศาลเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดเอง
