คอลัมน์ : รายงานพิเศษ
อาการน่าเป็นห่วงซะแล้ว...กับเกมใหม่ล่าสุดของ “พัน-ทะ-มาน”
หลังงัดวิชามารสารพัด ทั้งบนบก ใต้ดิน ในน้ำ กวาดแนวคิดอุดมการณ์ร้อยแปดพันอย่างมาตัดแต่งพันธุกรรม สวมเอาเข้าเป็นอุดมการณ์พิลึกพิลั่นของตัวเอง
ล่าสุด ก็อ้าง “ไสยศาสตร์” กันอีกคำรบ
ใครได้ยินได้ฟังคำปราศรัยของ “หัวหมู” หัวหน้าแก๊งอันธพาล คงไม่ทันได้นึกฉุน เพราะมัวแต่หัวเราะฮาก๊ากๆ จนกลับบ้านไปหาหมอให้รักษาขากรรไกรค้างแทบไม่ทัน
ก็จะไม่ให้ “ฮา” แตกแตนได้อย่างไร เพราะพี่แกเล่นพูดมาได้ว่า “ฝ่ายรัฐบาล” ที่คิดขายชาติ ล้มล้างการปกครองระบอบอะไรสักอย่างของประเทศนี้นั้น มันใช้การทำ “พิธีบูชายัญ”
ต้องบอกก่อนว่า “ฝ่ายรัฐบาล” ไม่ได้หมายถึงตัวรัฐบาล แต่หมายถึงทุกคนทุกกลุ่มที่ไม่ได้คิดเข้าข้างกลุ่มพันธมารตะพึดตะพือ...
ใครไม่หน้ามืดตาฝ้าฟางจนเดินหลงไปให้พวกมันเป่ากระหม่อม ก็กลายเป็น “ฝ่ายรัฐบาล” กันทั้งนั้น
แต่ไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างที่ชนผู้เจริญแล้วเขาเข้าใจร่วมกัน
แต่รัฐบาลสำหรับพันธมาร คือ “ก้างขวางคอ” ชิ้นสำคัญ ที่ไม่ให้พวกมันเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศได้ดั่งใจ
ข้อเสนอ “การเมืองใหม่” จึงไม่ถึงฝั่งฝัน หากรัฐบาลนี้ยังอยู่
พุทโธ่...อย่าว่าแต่รัฐบาลนี้หรือรัฐบาลไหน...เพราะต่อให้ประชาชนส่วนหนึ่งอยากจะสนับสนุน “การเมืองใหม่” ของพันธมาร ก็ยังไม่รู้จะหารูหาหลุมตรงไหนมาเป็นช่องทางการ “สนับสนุน” ได้
ก็เล่นพูดทิ้งขว้างกันปาวๆ อยู่แต่ “ข้างถนน” แล้วคนที่เขาอยากสนับสนุนจะไปหย่อนกล่องลงคะแนนเสียงกันได้ที่ไหนไม่ทราบ
เมื่อไม่ยอมลงมาเล่นในระบบ ไม่ยอมตั้งพรรค ไม่สมัครรับเลือกตั้ง
ต่อให้อยากให้ “ว่าที่ ฯพณฯ หัวหมู” เป็น “นายกฯ”
“ประชาชน” ก็จนด้วยเกล้าจริงๆ พับผ่า
วกกลับมาที่ “คุณไสยมนตร์ดำ” ซึ่ง “ว่าที่ ฯพณฯ” เพิ่งพ่นไว้ ณ มัฆวานฯ
ว่าด้วยเรื่องลับๆ ของ “ฝ่ายรัฐบาล” ที่ทำเพื่อต่อสู้กับ “พันธมาร” และต่ออายุรัฐบาลด้วยส่วนหนึ่ง
หัวหน้าลิ้มกล่าวว่า “มีการทำพิธีกรรมแก้เคล็ดต่ออายุ ทำมา 3 ครั้งในระยะเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา การต่ออายุนั้น เอาคนเป็นๆ มาบูชายัญ เชือดคอ ครั้งหลังสุดใช้หมอ 9 คน ทำพิธีที่บุรีรัมย์ มีพระสงฆ์ 2 รูป มีหมอผีทั้งหมด 7 รูป
4 รูปถอย เพราะว่าไม่ชอบที่เอาคนมาบูชายัญ อยากเอาแพะเอาวัวมาบูชายัญมากกว่า อีก 5 รูปบอกว่า ต้องใช้คนเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นคนที่ 3 ก็เลยถูกเชือดคอบูชายัญเพื่อต่ออายุ”
ฟังแล้วต้องขอเวลาปล่อยก๊ากสัก 5 นาที
ส่วนมวลชนมารยาทดี ได้ฟังก็เกาหัวแกรกๆ งงกันไปใหญ่...
ไอ้ที่ชอบอ้างตัวเลข เอกสาร เก๊บ้าง ใส่ไข่บ้าง มันก็ยังพอทน ยังพอมีตัวมีตนให้คนหลงเชื่อได้
แต่นี่อ้างคุณไสยถึงขนาดเชือดคอคนบูชายัญ...ไม่รู้ป่านนี้มวลชนพันธมารที่สติดีๆ จะตาสว่างอยากกลับใจเลิกคบกับ “มาร” กันบ้างแล้วหรือเปล่า
ไม่ต้องถึงกับหันไปคบกับ “เทพ” หรอก แต่อยู่ห่างไว้ก็น่าจะพอ
เพราะถ้าแม้แต่คนกิน “ขนมเค้ก-น้ำแดง” ยังหวิดถูกตีความว่าวุฒิภาวะหรือสภาพจิตบกพร่อง...
แล้วกับพวกที่ “หลอน” หนัก ถึงขนาดเห็นคนถูกเชือดคอบูชายัญนั่นเล่า...
ไม่ต้องรีบจับเข้าเช็กประสาทโดยด่วนล่ะหรือ
แล้วคนสติดีที่ไหนอยากจะให้ “คนบ้า” เป็นผู้นำ
เช่นกันกับพวก “ภาคประชาชน” ที่ไม่รู้เป็นตัวแทนประชาชนที่ไหน กลุ่มนั้นก็ยังอยู่ร่วมโลกกันได้กับคนแบบนี้
หรือทฤษฎีที่อุตส่าห์ท่องจำมาตั้งแต่เป็นนักศึกษาหัวก้าวหน้า ถึงเวลาลงสนามจริงแล้วมันไม่ “เข้าท่า” เท่ากับเรื่องเหลวไหลละเมอเพ้อพกพวกนี้
แล้วยังจะทำ “ปากดี” ทั้งที่ตกต่ำ จนเรื่องบ้าๆ บอๆ อะไรก็คว้าเอามาเล่นงานฝ่ายตรงข้ามได้หมด
ที่สถาปนา “ภาคประชาชนนิยม” มาสู้กับ “ประชานิยม” ก็ยังพอว่า...
แต่ “อำมาตยานิยม” นี่ก็เริ่มถอยหลัง
บูชายัญ “ไสยศาสตร์นิยม” นี่คงประกาศชัดแล้วว่า กู่ไม่กลับ ถ้าตกคลองป่านนี้ก็จมโคลนไปแล้วแหงแก๋...
เพี้ยนหนักย่ำแย่ซะแล้ว...พัน-ทะ-มิด