คอลัมน์: รายงานพิเศษ
ไม่ต้องเดาต้องลุ้น เพราะคราวนี้ออกมาจากปากนายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช ด้วยตัวเอง…
ที่ว่าจะปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งใหญ่ทั้งชุด
ปรับใหญ่ ปรับใหม่ และปรับให้แข็งแรงแน่นปึ้กกว่าเดิม
เพราะชุดเก่าที่เคยถูกตั้งชื่อให้ว่า “ขี้เหร่” บัดนี้ก็เว้าแหว่งจนเกินกว่าขี้เหร่ไปแล้วหลายขุม
แถมยังตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้นที่โดนพิษการเมืองทำให้เด้ง ตั้งแต่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ นายนพดล ปัทมะ หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายไชยา สะสมทรัพย์…
ที่เหลืออยู่ตอนนี้ จึงได้มีลุ้นจนเหงื่อตก
ทั้งรัฐมนตรีไม่มีผลงาน รัฐมนตรีที่ทำผลงานไม่เข้าตา รัฐมนตรีสายล่อฟ้า…
หรือรัฐมนตรีที่บางคนลืมไปแล้วว่ามี
ก็ไม่รู้ว่าหวยงวดนี้จะออกที่เบอร์ไหน
รู้แต่นายกฯ ทำสัญญาหัวใจกับประชาชนไว้แล้วว่า ปรับเพื่อคุณภาพล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับโควตามุ้งไหนทั้งสิ้น
พอกันทีกับหน้าตารัฐมนตรีขี้เหร่แบบ “คนกันเอง” (ของใครก็ไม่รู้)
หน้าเก่าลุ้นไปปลงไป โผหน้าใหม่ ก็กำลังรอขึ้นทำเนียบ
เทียบเชิญมือกระบี่ยอดฝีมือ ถูกส่งไปทาบทามบ้างแล้ว แต่ยังไม่เปิดเผยชื่อเสียงเรียงนาม เพราะยังไม่รู้ว่าใครบ้างจะยอม “เหนื่อยเพื่อชาติ”
ก็อย่างที่นายกฯ ว่าไว้นั่นแหละ เมื่อก่อนตำแหน่งรัฐมนตรีมากด้วยเกียรติ ศักดิ์ และศรี...
แต่ ณ วันนี้ เป็นรัฐมนตรีก็เหมือนเอาเป้าลูกดอกมาแขวนอยู่ตรงอกตัวเอง
ขาอีกข้างอยู่ในตะรางไปครึ่ง
เมื่อก่อนต้องรอให้ทุจริต คอร์รัปชั่น ฉ้อราษฎร์บังหลวง จึงถือเป็นความผิด
แต่รัฐมนตรีของ พ.ศ. นี้ จามดังๆ ก็ระวังจะถูกตีความให้พ้นตำแหน่ง!
คนเก่งและดีหลายคนจึงต้องใช้เวลาคิดหน้าคิดหลังให้มากหน่อย
ยิ่งมีกฎหมาย 7 ชั่วโคตร ยิ่งต้องตีลังกาทบทวนแปดตลบ
สมกับเป็นกฎหมายสมัยเผด็จการ ที่รังเกียจระบบรัฐสภาและสาปส่งระบบเลือกตั้ง ทุกอย่างของวันนี้ จึงได้ติดขัดสมใจเผด็จการไปเสียหมด
ภารกิจใหญ่นอกจากปรับคณะรัฐมนตรี จึงไม่พ้น “แก้” รัฐธรรมนูญ “ฉบับหน้าแหลมฟันดำ”
ทุกข์ ต้องดับเหตุแห่งทุกข์
ด่วนจี๋ที่สุดทันทีที่เปิดสภา
ไม่นำพาว่า เสียงต่อต้านจะระงมมาจากฝั่งพรรคประชาธิปัตย์
แถมนายกฯ ยังย้อนกลับ พวกไม่อยากให้แก้…ระวังเจอกับตัวแล้วจะรู้สึก
พูดได้…เพราะตอนนี้ วิฑูรย์ นามบุตร กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ก็โดน กกต.อุบลราชธานี ให้ใบแดงมาโร่
ถ้า กกต. กลาง ที่ประกอบไปด้วย 5 คนนั้น พยักหน้าด้วย…ก็เป็นอันได้ลุ้นยุบพรรคอีกหนึ่ง
ครบทั้งพรรคใหญ่ พรรคกลาง กอดคอลงเหวด้วยกัน มัน (ส์) พ่ะย่ะค่ะ
ที่นายกฯ ต้องการบอกประชาธิปัตย์ จึงคืออย่ามัวแต่เล่นการเมืองจนลืมว่าตัวเองก็เป็นนักการเมืองเหมือนกัน
รอดสันดอนวิบากกรรมยุบพรรคมาได้หนหนึ่ง ก็อย่าได้ชะล่าใจ
เพราะประชาชนเขาหูตาสว่างกันจากครั้งนั้นแล้วว่าอะไรเป็นอะไร
ความ “โคตรเป็นกลาง” ใบเหลือง ใบแดงที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ รอดไปราวปาฏิหาริย์ ก็ยังสลักลึกในความทรงจำอยู่
อย่าหวังว่า ผู้มากอำนาจจะอุ้มชูได้ตลอดไป ยิ่งจะฝากความหวังไว้กับ กกต.กลาง คนก็ยิ่งเขม่นมองอยู่
ถ้ายอมรับในสัจธรรมความไม่แน่นอน ก็จงยอมรับให้ได้ด้วยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยรัฐบาลครั้งนี้…“พรรคการเมือง” จะได้ประโยชน์กันถ้วนหน้า
เพราะที่ผลักคนอื่นให้เหยียบโดนกับดักอยู่ตลอดเวลานั้น…จะแน่ใจได้อย่างไรว่า วันหนึ่งจะไม่โดนเข้ากับตัวเอง