สำหรับท่าทีของฝ่ายค้านนั้น วันที่ 13 ก.ค. นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่ากรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวให้ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ในกรณียื่นถอดถอนนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศนั้น ถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไปยื่นถอดถอนก่อนที่นายนพดลจะประกาศลาออก ซึ่งถือเป็นการดำเนินการต่อเนื่องมาจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ประกอบกับศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีจุดประสงค์ร้าย แต่เมื่อทำผิดรัฐธรรมนูญก็ไม่สมควรที่ดำรงตำแหน่งต่อไป และควรได้รับโทษสูงสุด ทั้งนี้ในวันที่ 15 ก.ค.นี้ คณะกรรมาธิการกิจการชายแดนของสภาฯจะมีการประชุมกัน โดยกรรมาธิการในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์จะเสนอให้หยิบยกเรื่องปราสาทพระวิหารขึ้นมาพิจารณา โดยเฉพาะประเด็นร่างแผนผังที่ปรับปรุงแล้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่จะต้องจัดการร่วมกันของ7 ชาติ แต่แปลกประหลาดที่ฝ่ายไทยไม่มีแผนผังดังกล่าวอยู่ในมือ การให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนมรดกโลกฝ่ายเดียวจะส่งผลต่อการสูญเสียดินแดนและอธิปไตย จวก “สมัคร” บิดเบือนกรณีไอเอ็มเอฟ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีที่นายสมัครพูดพาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ โดยเปรียบเทียบว่าตอนที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลได้ทำข้อตกลงกับไอเอ็มเอฟ แต่กลับไม่มีปัญหา ขณะที่รัฐบาลปัจจุบันออกแถลงการณ์ร่วมกับกัมพูชา แต่กลับมีปัญหาจะเอากันขั้นติดคุกหรือประหารชีวิตนั้น ถ้าจำไม่ผิดสมัยที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ทำข้อตกลงกับไอเอ็มเอฟ มีความต้องการให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ปรากฏว่ามีการชี้ว่าการดำเนินการไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย ดังนั้นจะนำกรณีดังกล่าวมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ เพราะเป็นการใช้รัฐธรรมนูญคนละฉบับ และเป็นการดำเนินการต่างกรรมต่างวาระ ดังนั้นนายสมัครอย่าเอาเรื่องที่ทำผิดพลาดมาเปรียบเทียบกับสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นการส่อเจตนาบิดเบือนข้อเท็จจริงให้ประชาชนเข้าใจผิด นี่คือการแก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆ เอาสีข้างเข้าถู โยนบาปให้คนอื่น แต่อย่าดิ้นให้มากกว่านี้เลย ยิ่งดิ้นยิ่งเจ็บยิ่งติดกับดัก แขวะคิดช้าเกินไปปรับ ครม.ใหญ่ นายองอาจกล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่นายสมัครระบุว่าจะปรับ ครม.ครั้งใหญ่ เอาคนใหม่ๆเก่งๆเข้ามาทำงานนั้น ไม่แน่ใจว่าตัดสินใจล่าช้าไปหรือไม่ ขณะนี้เวลาในการทำงานของรัฐบาลใกล้หมดแล้ว เพราะที่ผ่านมาไม่ได้ทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชน โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลกำลังเดินหน้าแก้ไขปัญหาตัวเอง โดยบอกว่าจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ แทนที่จะแก้ไขปัญหาของชาวบ้าน ทั้งนี้หากปรับเอาคนเก่งมีความรู้ความสามารถมาทำงานให้ประชาชนได้ก็เป็นเรื่องดี แต่ต้องดูด้วยว่าจะมีคนอยากทำงานกับนายกฯคนนี้หรือไม่ ชี้แก้ รธน.เหมือนราดน้ำมันบนกองไฟ นายองอาจกล่าวด้วยว่า สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการเอาตัวรอด โดยไม่คิดแก้ไขปัญหาของประชาชน ดังนั้นอยากให้รัฐบาลคิดให้ดี มิฉะนั้นจะไม่สามารถหลุดพ้นกับดักของตัวเอง เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะ ทำให้เกิดวิกฤติ จะถูกประชาชนต่อต้านว่าทำเพื่อตัวเอง พรรคประชาธิปัตย์ขอเรียนว่ารัฐธรรมนูญไม่ใช่ปัญหาของรัฐบาล แต่ปัญหาของรัฐบาลคือการกระทำผิด จงใจ บริหารราชการแผ่นดินขัดต่อรัฐธรรมนูญ ก่อนลงเลือกตั้งรัฐบาลรู้อยู่แล้วว่ารัฐธรรมนูญมีกี่มาตรา และรู้ว่าต้องไม่ทำอะไรที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่รัฐบาลก็พยายามเดินหน้าท่าทีที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ทั้งก่อนการเลือกตั้ง ระหว่างเลือกตั้ง และหลังเลือกตั้ง พอมาวันนี้บอกว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหา จะมาแก้ไขมาตรา 237 และ 309 โดยเฉพาะ ส.ส.พรรคพลังประชาชนบอกว่าจะงอมืองอเท้าต่อไปไม่ได้ ต้องเร่งแก้อำนาจตุลาการด้วย จึงขอเตือนรัฐบาลให้ระวังจะเกิดวิกฤติการเมืองตามมา เหมือนเอาน้ำมันไปราดบนกองไฟ เพราะอำนาจตุลาการถูกออกแบบให้คานอำนาจฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติไม่ให้ทุจริตเชิงนโยบายหรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน แฉมีคนจ้องยัดใบแดงเลือกตั้งอุบลฯ นายองอาจยังได้กล่าวถึงกรณีที่นายสมัครบอกว่าเร็วๆนี้พรรคประชาธิปัตย์จะรู้สึก เพราะอาจโดนใบแดงที่ จ.อุบลราชธานีว่า การพูดเช่นนี้ถือว่าผิดสังเกต เพราะกรณีที่ จ.อุบลราชธานีเคยมีการร้องเรียนต่อ กกต.จังหวัด และสรุปผลว่าไม่มีความผิด แต่ผ่านมา 3-4 เดือน กลับมีความพยายามจากฝ่ายสืบสวนสอบสวนของ กกต.กลางจะหยิบยกเรื่องนี้มาพิจารณา และมีความพยายามที่จะร้องเรียนเรื่องนี้ขึ้นมาอีก พยายามที่จะควานหาว่าผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์คนใดที่เป็นกรรมการบริหารพรรค และเข้าข่ายที่จะร้องเรียนการทุจริตการเลือกตั้งเพื่อสอบสวนเอาผิดให้ได้ “ที่นายกฯบอกว่าเดี๋ยวพรรคประชาธิปัตย์จะรู้สึก ขอเรียนว่าเราไม่มีความประสงค์จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อมิให้ถูกยุบพรรคหรือหนีความผิด ถ้าเราถูกตัดสินก็พร้อมยอมรับ จะไม่ร้องแรกแหกกระเชอ และจะไม่ประพฤติเหมือนกับที่รัฐบาลทำ อย่างไรก็ตามพรรคไม่วิตกกังวลเรื่องนี้ เพราะเชื่อว่าไม่ได้ทำผิดอะไร” จับผิดคำชี้แจงสินบนอุโมงค์ส่งน้ำ ส่วนกรณีที่นายสมัครชี้แจงถึงเรื่องที่สำนักข่าวเกียวโดรายงานข่าวมีการจ่ายเงินสินบนในโครงกาก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำของ กทม.นั้น นายองอาจกล่าวว่า กรณีนี้อยากบอกว่าอัยการโตเกียวมีฝีมือมาก เพราะเคยจัดการนายกฯญี่ปุ่นมาแล้ว วันนี้เขาหยิบเรื่องนี้ขึ้นมา และระบุว่ามีการจ่ายสินบนโดยระบุชื่อย่อ 2 ส. และ 1 ธ. และนายสมัครได้เปิดเผยเองว่าเป็นใคร พร้อมพูดอีกว่าอุโมงค์มีความสำคัญอย่างไร อีกทั้งยังบอกว่าการจ่ายสินบนทำไมจ่ายเป็นเงินเยนนั้น คำอธิบายดังกล่าวเป็นการเบี่ยงเบนประเด็น ทั้งที่สังคมสงสัยว่านายสมัครเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ แต่กลับไม่ได้ชี้แจงในประเด็นนี้ ส่วนการจ่ายเงินเยนหรือเงินบาทมิใช่เรื่องที่จะต้องอธิบายเลย เพราะการรับเงินเยนจะนำมาแลกเป็นเงินไทยไม่ได้หรืออย่างไร นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เท่าที่ฟังคำชี้แจงของนายสมัครเห็นว่ายังตอบไม่ตรงคำถาม สังคมอยากรู้ว่ามีการติดสินบนจริงหรือไม่ แต่นายสมัครกลับใช้ลีลาโวหารของนักโต้วาทีอธิบายรายละเอียดของโครงการ และทวงบุญคุณว่าโครงการนี้ได้ราคาจัดซื้อจัดจ้างต่ำกว่าราคากลาง ตรงนี้ไม่ใช่เป็นประเด็นสำคัญ เพราะมีหลายโครงการที่ราคาต่ำกว่าราคากลาง แต่ก็มีการโกงกินกัน จึงไม่มีหลักประกันใดๆว่าโครงการราคาถูกแล้วจะไม่มีการคอรัปชัน