WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, March 17, 2009

อภิปรายให้เต็มที่

ที่มา ข่าวสด

บทบรรณาธิการ



พรรคเพื่อไทยมีมติให้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดปัจจุบัน ควบคู่ไปกับการยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรี

โดยกำหนดตัวผู้ที่จะถูกอภิปรายไว้ทั้งสิ้น 6 คน ประกอบด้วยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีก 5 คน คือนายกรณ์ จาติกวณิช นายกษิต ภิรมย์ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ และนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์

ในแง่ของจำนวนผู้ถูกอภิปรายที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป หากสามารถอภิปรายได้อย่างมีเนื้อหา ไม่อาศัยคารมโวหารเชือดเฉือนกันเพียงอย่างเดียว

สังคมก็คาดหวังว่าจะได้สารประโยชน์จากการยื่นอภิปรายครั้งนี้บ้างไม่มากก็น้อย



การยื่นอภิปรายนายชวรัตน์และนายบุญจงนั้นย่อมแสดงว่าพรรคเพื่อไทยตั้งใจที่จะสกัดกั้นการขยายตัวของพรรคภูมิใจไทยหรือกลุ่มเพื่อนเนวินเดิม ในฐานะที่แยกตัวออกจากพรรคที่เคยล่มหัวจมท้ายกันมา

ขณะที่การยื่นอภิปรายนายกษิตนั้นย่อมมีจุดประสงค์เพื่อการตอกย้ำ ให้สังคมเห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

แต่สิ่งที่ประชาชนทั่วไปให้ความสนใจมากที่สุดก็คือ การอภิปรายในประเด็นเรื่องเงินปริศนาจำนวน 263 ล้านบาท ว่าจะเข้ามาเกี่ยวพันกับนายอภิสิทธิ์หรือพรรคประชาธิปัตย์อย่างไร

การลากเอาชื่อนายประดิษฐ์เป็นผู้ร่วมถูกอภิปรายด้วย ในฐานะอดีตรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงที่เงินดังกล่าวปรากฏออกมา ย่อมตอกย้ำให้เห็นความจริงข้อนี้

และสังคมก็คาดหวังว่าฝ่ายค้านจะมีหลักฐานที่เป็นชิ้นเป็นอันสมราคาคุย



เพราะยิ่งฝ่ายค้านตั้งใจ "ทำการบ้าน" ด้วยการขุดค้นหาหลักฐานที่แสดงให้เห็นความผิดพลาดของรัฐบาลมากเท่าไหร่ สังคมก็ยิ่งจะได้ประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น

ในด้านหนึ่ง ก็จะเป็นแรงผลักดันให้รัฐบาลต้องชี้แจงแสดงความโปร่งใสด้วยความประพฤติที่สุจริต และสร้างต้นทุนให้ตนเองเพิ่มเติมด้วยการเร่งทำงานให้เห็นผลเป็นรูปธรรม

อีกด้านหนึ่ง สังคมก็จะได้รับรู้กลยุทธ์และกลวิธีในการดำเนินการทางการเมืองของแต่ละกลุ่มแต่ละฝ่าย ผ่านการตอบโต้ที่จะต้องมีการสาวไส้หรือแฉกันไปมา

แม้บางเรื่องน่าขยะแขยงหรือยากแก่การที่จะทนรับฟัง ก็ยังดีกว่าปิดหูปิดตาไม่รับรู้อะไรเลย

เพราะมีแต่รู้เท่าทันนักการเมืองไม่ว่าจะฝ่ายไหนเท่านั้น อำนาจต่อรองของชาวบ้านจึงจะเพิ่มขึ้น