ที่มา Thai E-News
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
20 มีนาคม 2552
*บทความเกี่ยวเนื่อง วิวาทะส.ส.สาวเสื้อแดงของชาวรากหญ้าVSส.ส.ทึนทึกเสื้อเหลืองของชาวฟ้า
นางรังสิมาทึกทึกจากปชป. ผู้ซึ่งเคยสร้างวีรกรรมแจ้งเกิดในสภาให้ชาวบ้านเม้าธ์มันปากด้วยการพูด2แง่3ง่ามว่า"ท่านประธานไม่แข็ง"ในอดีตวันนี้กำลังเป็นดาวดับ ขณะที่ส.ส.หน้าใสสาวเสื้อแดงกำลังแจ้งเกิดเป็นดาวสภาดวงใหม่
ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลวันนี้ พรรคเพื่อไทย ฝ่ายค้าน เปิดประเดิมโดยการส่งนางสาววิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ "ยิ้ม"เปิดตัวอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีต่างประเทศในประเด็นเป็นผู้ก่อการร้ายสากลปิดสนามบิน และเรื่องต่างๆ แต่ก็โดนพรรคประชาธิปัตย์ใช้แท็กติกให้ส.ส.หญิงออกมาประท้วงขัดสมาธิเป็นระยะ โดยกล่าวหาว่านางสาววิสาระดีอภิปรายโดยการอ่านตามโพยที่ผู้อื่นเขียนให้
ต่อมานางรังสิมา รอดรัศมี ส.ส.หญิงพรรคประชาธิปัตย์ได้ประท้วงด้วยถ้อยคำรุนแรงว่า "ผู้อภิปรายตอนนี้อภิปรายโดยอ่านตามโพย ไม่ได้ใช้สมองของตนเอง แต่ใช้สมองของผู้อื่น" ทำให้ส.ส.พรรคเพื่อไทยประท้วงให้ถอนคำพูด ซึ่งนางรังสิมายอมถอนคำพูด แต่ก็ไม่วายกล่าวปิดท้ายว่า"ก่อนอภิปรายต่อให้ส่งโพยให้ท่านประธาน แล้วจะคอยดูว่าหากส่งโพยไปแล้ว จะพูดต่อได้หรือไม่ หากพูดไม่ได้ก็แสดงว่าไร้สมอง" ซึ่งนางสาววิสาระดีกล่าวตอบว่า ทำไมจะไม่มีสมอง ก็ในเมื่อตนเรียนจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ จากเมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ เมืองเดียวกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"หากหาว่าดิฉันไม่มีสมอง ก็แสดงว่าท่านอภิสิทธิ์หัวหน้าพรรคของพวกท่านก็ไม่มีเหมือนกัน"
นางสาววิสาระดีได้เน้นย้ำว่า ได้รับเลือกมาจากประชาชนชาวเชียงราย และตนเป็นส.ส.สมัยใหม่ โดนอย่างนี้ก็ถือว่าได้แจ้งเกิดแล้ว แต่พฤติกรรมของน.ส.รังสิมาถือว่าดูถูกประชาชนชาวเรียงรายมาก จากนั้นปรากฏว่ามีส.ส.พรรคเพื่อไทยต่างกรูเข้ามาหาพร้อมจับมือและยกนิ้วให้น.ส.วิสาระดี โดยกล่าวชมเก่งมาก
นางรังสิมา ผู้ซึ่งเคยสร้างวีรกรรมแจ้งเกิดในสภาให้ชาวบ้านเม้าธ์มันปากด้วยการพูดว่า"ท่านประธานไม่แข็ง"ในอดีตวันนี้กำลังเป็นดาวดับ ขณะที่ส.ส.หน้าใสสาวเสื้อแดงกำลังแจ้งเกิดเป็นดาวสภาดวงใหม่
ประชาชาติธรกิจนำเสนอประวัติและเส้นทางของนางสาววิสาระดีว่าเป็น "คนเหนือ" โดยกำเนิด เริ่มต้นการศึกษาที่โรงเรียนศิริมาศเทวี อ.พาน จ.เชียงราย ก่อนจะเข้ากรุงเทพฯมาเรียนที่โรงเรียนนานาชาติร่วมฤดี
เรียนต่อมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) ก่อนจะโอนหน่วยกิตไปจบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยวอลลองกอง (WOLLON GONG) ประเทศออสเตรเลีย และปริญญาโทสาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยนอร์ทแทมเบีย (NORTHUMBRIA) เมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ
"เพราะคุณพ่อเล่นการเมืองมา 9 สมัย เป็นเวลากว่า 20 ปี ทำให้ตั้งแต่เกิดมาจำความได้ ก็เห็นคุณพ่อลุยน้ำท่วม แจกของ พบปะประชาชน จึงมีความฝันมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าโตขึ้นมาอยากเป็น ส.ส. แม้กระทั่งอาจารย์ที่สอนมาก็ยังตกใจว่าทำไมถึงอยากเป็น ส.ส. ทั้งๆ ที่คนอื่นอยากเป็นครู อยากเป็นหมอ อยากเป็นพยาบาล แต่ยิ้มอยากเป็นนักการเมือง"
ยิ้มเล่าว่า ครอบครัวของเธอนอกจากคุณพ่อ จะเป็น ส.ส.แล้ว คุณแม่ยังเป็นสมาชิกสภาจังหวัด และคุณอา (นายวิสิษฐ์) เป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)
"ช่วงที่เรียนอยู่เอแบคอยากเป็นนักธุรกิจ เพราะคิดว่าหากวันหนึ่งไม่ได้เป็นนักการเมือง ก็ยังเป็นนักธุรกิจได้ ครอบครัวกับการผลักดันความฝันนั้นไม่มีเลย โดยเฉพาะคุณแม่ อากง อาม่า เองก็บอกว่าไม่สนุกอย่างที่คิดนะ เหมือน เราถูกกดดันทั้งๆ ที่เป็นคนร้องไห้ยาก แต่ครั้งนั้นที่ทุกคนในครอบครัวกดดันทำให้ยิ้มร้องไห้เลย"
"สายตาพ่อแม่คิดว่าเรายังเป็นเด็ก แล้วจะ ต้องเจอความกดดันเยอะจากรอบข้าง ท่านเลย คิดว่ายิ้มคงยังไม่พร้อม นี่ยิ้มก็เพิ่งจะรู้ว่าต้องลงสมัคร ส.ส.แทนคุณพ่อในวินาทีสุดท้ายประมาณ 2 เดือน ซึ่งก็ได้ไปลาออกจากงานการตลาดของรถมินิคูเปอร์แล้วมาลงสมัคร ส.ส."
"ก็บอกพี่น้องประชาชนตอนที่ยิ้มไปหาเสียงว่าเป็นลูกสาวคุณพ่อ จะเข้ามาสานงานต่างๆ ที่คุณพ่อทำค้างไว้ เราพร้อมทั้งวัยวุฒิ อาจจะดู ตัวเล็ก เน้นหาเสียงกับเด็กๆ แม่บ้านและผู้สูงอายุการเป็นผู้หญิงท่าทีที่อ่อนน้อมของเราก็ช่วยได้มาก การพบปะผู้คนอาจจะถูกแขวะบ้าง ก็ทำให้เหนื่อยใจนะคะ แต่เมื่อเราเข้ามาแล้วก็อยากให้ทุกคน รักเรา สโลแกนของยิ้มคือ ถ้าเลือกยิ้มก็จะได้ทั้งครอบครัว"
ยิ้มบอกอีกว่า เธอตั้งใจจะเข้ามาทำงานด้านสตรี เยาวชน ผู้สูงอายุ อีกทั้งได้เรื่องภาษาก็ยังดูเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ ที่สำคัญคือเรื่องการศึกษาตามชนบทที่ยิ้มย้ำว่าต้องการให้การศึกษาบ้านเรามีมาตรฐานที่มากขึ้น ทำให้การเรียนสนุกขึ้น
"ในอนาคต 4-5 ปีข้างหน้ายิ้มก็จะยังอยู่ตรงนี้คะ ระหว่างนั้นก็จะทำให้เรารู้อะไรมากขึ้นโดยที่เจาะแต่ละพื้นที่ว่ามีปัญหาที่เราพอจะแก้ไขให้เขาได้ เพราะเราเป็นตัวแทนเข้ามาก็ต้องหาอะไรไปพัฒนาชุมชนให้ได้"
เวลาว่างๆ ยิ้มบอกว่าชอบดูหนังมาก โดยเฉพาะการดูกับครอบครัว 3 คนพ่อแม่ลูก หากมีเวลาก็จะไปโยนโบว์ลิ่ง และร้องคาราโอเกะ ซึ่งย้ำว่าชอบมาก
"มันเหมือนได้แหกปากนะคะ นอกจากนั้นก็คงจะไปทานข้าวกับเพื่อนๆ บ้าง" เธอกล่าวแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
"ยิ้มเป็นคนไม่ค่อยซีเรียสนะคะ เป็นคนมองโลกในแง่ดี ชอบที่จะหาเพื่อนใหม่ ไม่ได้เป็น คนไฮโซฯคะ ชอบกินข้าวข้างถนน เพราะยิ้มว่า มันจะอร่อยมากๆ ประมาณว่าชอบไล่หาร้านกินเลยก็ว่าได้"
ด้วยความเป็นลูกสาวแสนสวยเพียงคนเดียว ยิ้มยืนยันว่าคุณพ่อไม่หวงการที่เธอจะชอบใคร แม้ว่าเธอจะไม่บอกคุณพ่อ แต่คุณพ่อเองก็คงจะมองรู้
"คุณพ่อเลี้ยงแบบฝรั่ง ไม่ใช่ว่ามีเคอร์ฟิวส์ ต้องกลับบ้านก่อนเวลานี้นะห้ามดื่มแอลกอฮอล์นะ อะไรอย่างนั้นไม่มี"
"ยิ้มก็อยากจะขอบคุณพี่นะคะที่ให้ยิ้มเป็นดาวสภา ยิ้มก็ไม่อยากให้พี่ๆ ผิดหวัง เพราะยังไม่ได้โชว์กึ๋นอะไรเลย ถ้ายิ้มพลาดขึ้นมาก็จะมาบอกว่า อ้าว...นี่สวยแต่โง่ ตอนนี้กำลังเก็บข้อมูลคะ คิดว่าจะต้องเปิดตัวให้ดีหลังจากที่ได้เรียนรู้ ได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ก็มีหลายๆ รูปแบบ อย่างไรก็ตามวิสาระดีต้องเปิดตัวอย่างสง่างาม"
"ยิ้มจะทำให้ดีที่สุด (เจ๊า)"