วันที่ 19 มี.ค.ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองกล่าวถึงกรณีเงิน 258 ล้านบาท และเงินที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง กกต. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งเรื่องให้ กกต. ตรวจสอบว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์นำเงินที่ได้จากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ไปใช้อย่างถูกต้องหรือไม่ โดยพรรคประชาธิปัตย์ได้ส่งหลักฐานเป็นสำเนาเช็คในการว่าจ้างรวม 8 ฉบับ แต่ไม่มีหลักฐานสัญญาจ้าง ซึ่งกรณีนี้ดีเอสไอได้ระบุในคำร้องขอให้ กกต.ตรวจสอบว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่น่าจะดำเนินการอย่างถูกต้อง และได้ยืนยันว่าเงินที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับไปกับเช็คที่ส่งให้ กกต.น่าจะเป็นนิติกรรมอำพรางที่ผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 94 สามารถเอาผิดถึงขั้นยุบพรรคได้
พท.พร้อมให้ข้อมูลเงินบริจาค
ด้านนายวิทยา บุรณะศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะทำหน้าที่การอภิปรายให้ดีที่สุด จะพาดพิงบุคคลภายนอกให้น้อยที่สุด โดยจะเป็นตัวละครที่เกี่ยวกับการอภิปรายจริงๆ ส่วนกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำข้อมูลเรื่องเงินบริจาค 258 ล้านบาท ของพรรคประชาธิปัตย์ส่งให้ กกต.นั้น ถือเป็นหน้าที่ของดีเอสไอ และอยากให้องค์กรที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลของพรรคเพื่อไทยไปประกอบการพิจารณาด้วย เมื่อถามว่า ข้อมูลที่ดีเอสไอยื่นให้ กกต.ตรวจสอบดูเหมือนสอดคล้องกับการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจพอดี นายวิทยาตอบว่า ไม่สอดคล้อง แต่คิดว่าช้าเกินไปด้วยซ้ำ อย่างไร ก็ตาม ไม่รู้ว่าข้อมูลของดีเอสไอเป็นข้อมูลเดียวกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ แต่ต้องเป็นข้อมูลที่มีข้อเท็จจริง เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยจะส่งข้อมูลเรื่องนี้ให้ดีเอสไอไป ตรวจสอบหรือไม่ นายวิทยาตอบว่า ถ้าเป็นข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อส่วนราชการ ก็ต้องพิจารณาต่อไป เมื่อถามว่า มั่นใจว่าการอภิปรายเรื่องเงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์ จะนำไปสู่การยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้ นาย วิทยาตอบว่า ต่อมความรู้สึกต่างกัน ต้องคิดให้ดี
ผบ.ทบ.จวกไอ้โม่งควรยุติป่วนเมือง
วันเดียวกัน ที่กองทัพบก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาโฟนอินถึงแผนที่จะล้มรัฐบาล ว่ายังไม่ได้ศึกษารายละเอียดมากกับข้อมูลที่ได้รับ แต่จะเป็นข้อมูลถูกต้องมากน้อยเพียงใดก็กำลังศึกษาอยู่ อยากบอกสังคมว่า การที่จะคิดอะไรกับสังคมไทยในขณะนี้และไปกระทบกระเทือนกับสถาบันหลัก ไม่ว่าจะเป็นประชาชน ชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เป็นสิ่งดีกับประเทศชาติ เพราะฉะนั้นเราเป็นคนไทยต้องเข้าใจและช่วยกันประคับประคองให้บ้านเมืองให้ผ่านไปได้ ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องก็ต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของตนเอง พลังเงียบในขณะนี้ทุกคนรู้ดีว่า ทุกคน เบื่อหน่ายสถานการณ์ที่ไม่ได้ช่วยกันฝ่าฟันเศรษฐกิจหรือ จะทำให้ชีวิตดีขึ้น ประชาชนหลายส่วนค่อนข้างจะเบื่อหน่าย เมื่อเขาเบื่อหน่ายในการปลุกปันอะไรก็ไม่ได้ผลมากนัก คิดว่าถ้าคนพวกนี้ออกมาช่วยสังคมก็น่าจะดีขึ้น เมื่อถามว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังควรจะยุติบทบาทเช่นกันใช่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า น่าจะยุติบทบาทตั้งนาน แล้วด้วยซ้ำ เพราะเป็นการทำร้ายประเทศชาติและคนไทยด้วยกัน ไม่ว่าใครทั้งสิ้น เมื่อเราอยู่ที่นี่แม้จะเกี่ยวข้อง หรือไม่ก็จะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้โดยตรง