การเมืองวันนี้ต้องเรียกว่า “หักเหลี่ยม-ถอนคม” กันเลย ทีเดียว เมื่อรัฐบาลและประธานรัฐสภารวมหัวกันเลื่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจจากที่กำหนดไว้วันที่ 26-27 มี.ค. มาเป็น 19-20 มี.ค. เร็วกว่าที่กำหนดไว้
แน่นอนว่าการตัดสินใจครั้งนี้คงมิใช่ว่าเพื่อให้การซักฟอกเร็วขึ้นทุกอย่างจะได้จบเสียทีซึ่งนั่นเป็นเพียงเหตุผลหนึ่ง แต่ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ว่าเพื่อไม่ให้ฝ่ายค้านตั้งตัวทัน เพราะจะต้องมีการเตรียมความพร้อมให้มากกว่านี้
และที่สำคัญก็คือการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงมากกว่า เนื่องจากได้มีการนัดหมายชุมนุมใหญ่ล่วงหน้าเอาไว้แล้ว ซึ่งจะตรงกับการเปิดซักฟอกรัฐบาลพอดิบพอดี ซึ่งก็เพื่อจะเป็นแรงกดดันรัฐบาลนอกสภาอีกทางหนึ่ง
คือไม่ล้อมสภาก็ล้อมทำเนียบฯหวังจะเอารัฐบาลให้อยู่หมัด
เมื่อเลื่อนเวลาเร็วขึ้นทำให้พรรคเพื่อไทยและกลุ่มเสื้อแดงตั้งหลักไม่ทันต้องมีการเปลี่ยนแผนกันใหม่หมด ทำให้ทุกอย่างเกิดความฉุกละหุกชิงความได้เปรียบ
แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะพยายามดิ้นหนีตรงนี้ด้วยการยื่นหนังสือ ถึงนายกฯเพื่อขอให้มีการซักฟอกตามหมายเดิม แต่คำตอบที่ได้รับก็คือเป็นการตัดสินใจของประธานสภาผู้แทนฯ คือ นายชัย ชิดชอบ จึงมิอาจเปลี่ยนแปลงได้แล้ว
ขณะที่นายชัยก็แวบเข้าโรงพยาบาลจะป่วยจริงหรือป่วยการเมืองก็ตาม แต่ก็ไม่ต้องตอบคำถามหรือโดนฝ่ายค้านจี้ให้เปลี่ยนแปลง
นอกจากนั้น นายกฯได้เรียกประชุม ครม.เศรษฐกิจนัดพิเศษด้วยการประกาศรับว่ามีปัญหาซึ่งจะต้องมีการอัดฉีดอีกรอบหนึ่งเพื่อกระตุ้นและฟื้นฟู เป็นการปิดช่องก่อนที่ฝ่ายค้านจะซักฟอกและชี้ว่ารัฐบาลล้มเหลวในการแก้ไขปัญหา
เรียกว่าเตรียมตั้งรับทุกกระบวนท่า
เป็นที่รับรู้กันดีว่าแผนปฏิบัติการของอดีตนายกฯทักษิณที่เร่งวันเร่งคืนเพื่อจะล้มรัฐบาลทุกวิถีทางโฟนอินเป็นรายวันแม้กระทั่งงานวัด งานศพก็เอาหมดเพื่อดึงมวลชน ปลุกระดมผู้สนับสนุนอย่างเต็มที่สอดรับกับการเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย กลุ่มเสื้อแดงและ 111 นักการเมืองที่ถูกเว้นวรรค
หวังเผด็จศึกเพื่อชัยชนะขั้นเด็ดขาดเพราะทุกอย่างล้วนเป็น “เงื่อนไข” ที่เหมาะสมที่สุด หากรัฐบาลสามารถผ่านจุดนี้ไปได้ก็ยาก ที่จะทวงอำนาจคืนได้
ว่ากันถึงการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและ 5 รัฐมนตรี แม้ฝ่ายค้านยืนยันว่ามีข้อมูลที่จะเล่นงานรัฐบาลได้ โดยเฉพาะประเด็น เชื่อมโยงเงินบริจาค 500 กว่าล้านบาท หรือเรื่องการใช้อำนาจและหาประโยชน์จากงบประมาณที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
แต่ดูเหมือนการอุบไต๋เรื่องเงินพัฒนาการเมืองที่ กกต.มอบให้จำนวน 25 ล้านบาท แต่ประชาธิปัตย์นำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นผู้ลงนามน่าจะเป็นประเด็นใหญ่หวังผลว่าจะเล่นงานให้แหลกไปเลย และนั่นหมายถึงการ “ยุบพรรค” ด้วย
อย่างไรก็ดี ประเด็นต่างๆเหล่านี้รัฐบาลและบรรดารัฐมนตรีที่ถูกซักฟอกน่าจะเตรียมการชี้แจงและเชื่อว่าจะตอบโต้ฝ่ายค้านได้ แม้ยังไม่รู้ว่าจะมีไพ่อะไรซุกซ่อนเอาไว้อีก
เหนืออื่นใดคะแนนเสียงที่จะสนับสนุนรัฐบาลนั้น แม้ว่าจะมากกว่าฝ่ายค้านแต่ก็ยังมีปัญหาว่าจะครบจำนวนหรือไม่ในการลงคะแนน แต่เชื่อว่าในสถานการณ์ที่เป็นจริงๆ พรรคภูมิใจไทยที่จะเป็นตัวแปรคงไม่มีปัญหาเพราะยังไงเสียก็ต้องกอดคอร่วมกันต่อไป
และเชื่อว่าหากพ้นจากศึกอภิปรายไปแล้วก็เท่ากับปิดทางสู้ของทักษิณ พรรคเพื่อไทย และกลุ่มเสื้อแดง รัฐบาลสามารถตั้งลำบริหารประเทศต่อไปได้
2-3 วันนี้แหละครับ...รู้หมู่รู้จ่าแน่.
“สายล่อฟ้า”