หลังกลับจากอังกฤษนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คงจะต้องเจอศึกการเมือง ซึ่งดูท่าว่าจะเข้มข้นรุนแรงมากขึ้น เรียกว่าเจอ มรสุมรอบด้าน...ว่างั้นเถอะ เพราะนอกจากปัญหาเศรษฐกิจ การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว
ความเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนว่าจะเหยียบคันเร่ง เพื่อพิชิตศึกในระยะอันใกล้นี้ นั่นคือการโฟนอินของอดีตนายกฯทักษิณที่ถี่ขึ้น แหลมคมมากขึ้น แม้จะวนด้วยประเด็นที่วนไปเวียนมาก็ตาม อีกทั้งกลุ่มเสื้อแดงที่เปิดปฏิบัติการชุมนุมอย่างต่อเนื่องแบบสัญจรและขับไล่รัฐมนตรีที่ออกปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดต่างๆ
ทุกอย่างดูเหมือนว่าจะสอดรับกันอย่างต่อเนื่อง และหวังผล ไม่ใช่ลอยๆอย่างที่ผ่านมา นั่นเพราะเชื่อว่า สถานการณ์อย่างนี้เป็นเงื่อนไขที่จะขย่มรัฐบาลให้อยู่หมัดได้
การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและ 5 รัฐมนตรีนั้น แม้จะมองกันว่าโอกาสที่จะโค่นรัฐบาลคงเป็นไปได้ยาก เพราะเสียงสนับสนุนน้อยกว่า แต่การที่ฝ่ายค้านยังปิดลับข้อมูลไม่แพร่งพรายเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา นั่นแสดงว่าน่าจะมีอะไรพอสมควร
อย่างน้อยที่มีตุ๊กตาแล้วคือเรื่องเงินบริจาค 500 กว่าล้านบาท โดยมีนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลังเป็น “จิ๊กซอว์” สำคัญก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมองผ่านไปง่ายๆ เนื่องจากมันมีเค้าลางให้เห็นอยู่ เพียงแต่ว่าจะมีข้อมูลเชื่อมต่อให้กระจ่างชัดแค่ไหน
หรือเรื่องที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ซึ่งข้อมูลน่าจะมากพอสมควร เพราะอธิบดีที่ถูกย้ายน่าจะผ่องถ่ายข้อมูลให้เพียบแน่ ยิ่งเป็นที่รู้กันดีว่างบประมาณของกรมนี้มี “ขุมทรัพย์” ก้อนใหญ่ ซึ่งเป็นที่หมายปองของนักการเมืองอยู่แล้ว
จากหมายกำหนดที่วางกันไว้ล่วงหน้าคงจะสอดรับกันในห้วงจากนี้ไป นั่นหมายความว่าในระบบก็เปิดศึกซักฟอก แต่การเมืองนอกระบบก็คือการชุมนุมเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงที่มีการปลุกระดมเต็มพิกัด
นั่นก็หมายความว่ากระสุนพร้อม คนพร้อม เงื่อนไขพร้อม
ซึ่งแน่นอนว่าระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ น่าจะมีการชุมนุม เพื่อกดดันรัฐบาลนอกสภา มีความเป็นไปได้ว่าไม่ล้อมทำเนียบ ก็ล้อมสภาเพื่อกดดันรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนั้น ยังมีความเคลื่อนไหวของนักการเมืองบ้านเลขที่ 111 ที่จะออกพบปะประชาชนเพื่อจุดระเบิดอีกจุดหนึ่ง
ในขณะที่รัฐบาลเองแม้ว่านายกฯจะโชว์ฟอร์มความเป็นอินเตอร์ในระดับนานาชาติ เพื่อสร้างความเชื่อให้กับรัฐบาล...ว่างั้นเถอะอย่าเอ่ยไปไกลถึงความเชื่อมั่นของประเทศ เพราะในความเป็นจริงแล้วต้องยอมรับว่าการเมืองไทยยังไม่นิ่ง ยังไม่สามารถเดินไปสู่จุดปกติได้
อย่างน้อยการที่ พ.ต.ท.ทักษิณยังสามารถที่จะเคลื่อนไหวได้ทุกรูปแบบ เป็นข่าวได้ทุกวันและพุ่งเป้าไปที่การทำงานของรัฐบาล ซึ่งดิสเครดิตรัฐบาลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจว่าไม่มีน้ำยา หรือจะสรรหาถ้อยคำที่ทำให้เสียฟอร์มตลอด
ยิ่งปัญหาเศรษฐกิจวันนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ได้ง่ายๆ หรือแม้แต่ตัว พ.ต.ท.ทักษิณหากเป็นนายกฯวันนี้ก็หืดขึ้นคอไม่ต่างกัน เพราะเงื่อนไขหลักมาจากภายนอก ดังนั้น หากสหรัฐฯหรือประเทศยักษ์ใหญ่ยังไม่ตื่นฟื้นคืนชีพ ก็จะยังไม่เห็นภาพชัดเจนว่ามีฝีมือแค่ไหน
ปัญหาขัดแย้งในเชิงนโยบายทั้งการย้ายสนามบิน งบประมาณที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นที่ดูเหมือนว่าน่าจะประนีประนอมกันได้ แต่เอาเข้าจริงแล้วน่าจะพูดได้ว่าตรงนี้แหละคือปัญหา เพราะการย้ายสนามบินไปสู่สุวรรณภูมิเพียงแห่งเดียว
มันก็ฟ้องถึงเจตนาแล้วว่ามีผลประโยชน์แอบแฝงอย่างไม่ต้องสงสัย ขณะที่นายกฯก็คงจะมองเห็น และที่สำคัญก็คือขัดในเชิงนโยบายด้วย เพราะลึกๆแล้วต้องการให้มี 2 สนามบินมากกว่า หรืองบประมาณที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นก็เหมือนไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่
ทั้งศึกนอก-ศึกในบริหารอำนาจไม่สมดุลก็ไปได้ง่ายๆเหมือนกัน.
“สายล่อฟ้า”