ที่มา เดลินิวส์
ต้องยอมรับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย หัวหมู่ทะลวงค่าย ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และ 5 รัฐมนตรี เที่ยวนี้ ไม่ทำให้คนดูผิดหวัง
เนื้อที่น้อย วันนี้ขอพุ่งเป้าไปที่เฉลิมคนเดียว เลย กรณีเงินปริศนา 258 ล้าน จากชาร์ตที่โชว์ถึง เส้นทางเงิน นี่ก็อีก เฉลิม น่าจะเป็นคนแรก ๆ ที่เอา “ชาร์ต-กราฟิก” มาใช้ในการอภิปราย
ทำให้เรื่องที่ซับซ้อนดูง่ายและเข้าใจมากขึ้นกลายเป็นแบบอย่างนัดสำคัญ ๆ
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะเป็นผู้เซ็นรับรองงบดุล ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ในฐานะเป็นเลขาธิการพรรค และมีลูกผู้น้องเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับ ประจวบ สังข์ขาว เจ้าของ เมซไซอะฯ คือตัวละครสำคัญ
เรื่องเกิดปี 2547-48 ซึ่งมีการเลือกตั้งใหญ่ มีข่าวลงขันกำจัดรัฐบาลแม้ว !!!
ข้อมูลเฉลิมมีมาก เขียนไม่หมด แต่สรุปว่ามีทุนจดทะเบียนล้านเดียว แต่รับงานใหญ่เกือบ 300 ล้าน ไม่มีโรงพิมพ์ ไม่มีโรงงาน มี 4 คน ทาวน์เฮาส์โทรม ๆ ที่เป็นออฟฟิศ ก็อาศัยเค้าอยู่
เช็คที่เอาโชว์ น่าเสียดาย ดูไม่ชัด เพราะช่อง 11 ที่ถ่ายทอดสด มือไม่ถึง นอกจากไม่ขยายให้ใหญ่แล้ว ยังเจาะภาพครูที่ใช้มือแปลให้คนหูหนวกฟัง มาบังเพิ่มเข้าไปอีก ดีที่ตอนหลังย้ายข้างไป
เงิน 258 ล้าน ที่จ่ายผ่าน เมซไซอะฯ ถูกผ่องถ่ายให้ 4 กลุ่ม ซึ่งล้วนเป็นเครือญาติกับ ประดิษฐ์ เลขาธิการพรรคตอนนั้น นิพนธ์ บุญญามณี และ ประพร เอกอุรุ ส.ส.ปชป. ทั้งนั้น
เชื่อว่าทั้งหมด คงฟ้องแน่ แต่ก็มีคำถาม หากไม่มีอะไรเกี่ยวข้อง จะโอนเงินให้ทำไม หรือพูดง่าย ๆ เมซไซอะฯ เป็นบริษัทกระดาษ หรือทางผ่านของเงินเท่านั้นหรือไม่
เพราะเช็คบางฉบับจ่ายผ่านแม่บ้าน ขณะที่หลายคน ทำแพปลา ห้องเย็น ไม่เกี่ยวกับงานโฆษณาเลย แต่ได้รับเงินด้วย โดยจ่ายผ่าน 4 ธนาคาร รวม 78 ครั้ง ใน 84 วัน
มีเบอร์แฟกซ์ที่อยู่ของปชป.ออกจากธนาคารว่า “โอนแล้ว” เฉลิมแฉว่า ที่เป็นเรื่อง เพราะ ประจวบ ถูกหักหลัง เป็นหนี้กรมสรรพากรถึง 14 ล้าน (มีรายได้แล้วไม่เสียภาษี) เลยไปร้อง ดีเอสไอ จนเป็นเรื่อง
ตอนนี้ ดีเอสไอ ก็ยื่น กกต.ให้สั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ ฐานทำผิดกฎหมายพรรคการเมือง
ปัญหาคือ เงิน 258 ล้าน ไม่ใช่เงินส่วนตัวของ ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เจ้าของทีพีไอ แต่เป็นเงินของผู้ถือหุ้น เพราะทีพีไอเป็นบริษัทในตลาดหุ้น ใช้จ่ายต้องโปร่งใส ซี้ซั้วไม่ได้
ประชัยเอง เคยให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า จ่ายค่าโฆษณาจริง แต่ตอนนั้น รธน.ไม่ได้กำหนดเพดานเงินบริจาคพรรคการเมือง อย่างนี้ จะถือเป็น “ใบเสร็จ”หรือไม่
ขณะที่อภิสิทธิ์ แก้ข้อกล่าวหาว่า เมื่อ กกต.และผู้ตรวจบัญชีรับรองแล้ว จึงเซ็นชื่อ ไม่ได้แก้ข้อสงสัยเรื่องเส้นทางเงิน ที่เข้าข่าย การ “ไซฟ่อน” เงิน ที่อาจโยงไปสู่การยุบพรรคได้ !!!
เป็นอย่างนี้ คะแนนยกแรกขอให้ เฉลิม สอบผ่าน ใครว่าเฉลิมโหลย โท่ย ต้องเปลี่ยนใจใหม่ เป็นสมราคาคุย แต่สำหรับ อภิสิทธิ์ เรื่องเงินปริศนา 258 ล้าน ถือว่าสอบตก ???
ภาพลักษณ์ประชาธิปัตย์ที่บอกว่า ตัวเองสะอาดหมดจด หมองไป ไม่มากก็น้อย จากกรณีนี้
ส่วนผู้ถือหุ้นทีพีไอ ถ้าคิดว่าเสียหายด้วย ก็ต้องไปร้องทุกข์กล่าวโทษเป็นคดีต่อไปอย่างที่เฉลิมบอก
ต้องปิดต้นฉบับก่อน เลยไม่รู้ ประดิษฐ์ จะเอาตัวรอดได้หรือไม่ รู้แต่ งานนี้เจ็บหนักแน่ !!!.
ดาวประกายพรึก