ที่มา เดลินิวส์
โครงการ 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ เหลือแค่ชื่อ “โอทอป” เพราะรัฐบาลขิงแก่ บ้องตื้น รังเกียจเป็นมรดกแม้ว วัน ๆ ไม่รู้จะทำอะไร เลยบังคับให้เปลี่ยนเป็น ผลิตภัณฑ์ชุมชน ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น แต่ชื่อเชยระเบิด เลยไม่มีใครใช้
เหนืออื่นใด “โอทอป”
เป็นเครื่องหมายการค้าที่ฮิตติดปากแล้ว สิ่งที่ขิงแก่ทิ้งไว้กับ ผู้คนในวงการโอทอป จึงมีแต่คำก่นด่า มือไม่ช่วยพาย ยังเอาเท้าราน้ำให้ขุ่นอีก
เหมือนตอนนี้ งานแสดงสินค้า “โอทอป” เคยจัดที่ เมืองทองธานี 6-7 ปีติดต่อกัน จนรู้กันทั่ว เป็นงานใหญ่ที่ผู้ผลิตสินค้า “แบรนด์ไทย” ซึ่งก็มี ทั้ง 2 ดาว 3 ดาวไปจนถึง 5 ดาว ระดับส่งออกขายทั่วโลก จะเอาสินค้า “โอทอป” ของตนวางขายให้ประชาชนรวมทั้งเอเย่นต์ได้ซื้อหา
ภูมิใจที่คนไทย มีฝีมือ มีหัวคิด ทำผลิตภัณฑ์ดี ๆ ในชื่อไทย ออกไปขาย ใครยังมีดาวน้อย ๆ จะได้พัฒนาเป็นดาวมาก ๆ ยอดขายแต่ละครั้งก็หลายหมื่นล้าน คนไปงานเป็นแสนคน
มีทั้งผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปเช่น ไวน์ไทย ผลไม้แห้ง ขนมไทย ทำแพ็กเกจจิ้งสวย ๆแบบญี่ปุ่น น่าซื้อ น่าชิม โคมไฟ แจกันไม้ลายไทย เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เฟอร์นิเจอร์ และอีกมากมายเป็นร้อย ๆ ยี่ห้อ
ทั้งหมดจัดรวมกันที่ “อิมแพ็ค” เมืองทองธานี เดินจากห้องหนึ่งไปอีกห้องหนึ่ง ดูได้ต่อเนื่องทั้งวัน เพราะอาคารอยู่ติด ๆ กัน ติดแอร์เย็นฉ่ำ เมื่อยนัก ก็หยุดพัก กินข้าว กินน้ำ แล้วค่อยลุยต่อ
จู่ ๆ ปีนี้ มท.2 บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ เกิดผีเข้า สั่งย้ายมาจัดที่สนามศุภชลาศัยและห้างไฮโซอีก 8 แห่งแถบนั้น ตั้งแต่ สยามพารากอน, สยามดิสคัฟเวอรี่, มาบุญครอง, เซ็นทรัลเวิลด์, เอ็มโพเรียม....อ้าง เพื่อขยายตลาดคนซื้ออีกกลุ่ม ตั้งชื่อซะเก๋ “โอทอปซิตี้” ก็ฟังดูดีหรอก
แต่คนที่อยู่กับธุรกิจนี้มาเป็นสิบปี ย่อมรู้ดี อะไรเป็นไปได้แค่ไหน
มิไยที่ผู้ประกอบการ นายมงคล ไตรรัตนจรัสพร นายกสมาคมโอทอปไทย จะอ้อนวอนให้ทบทวนสถานที่จัดใหม่ ขอให้ไปจัดที่เดิม เพราะกลัวที่ใหม่ คนไม่เดิน เนื่องจากสถานที่กระจัดกระจายมาก บางแห่งให้จัดในที่จอดรถ ซึ่งร้อนตับแตก ไม่จูงใจ แถมงบฯที่ใช้ก็มากมาย จากเดิม 80-90 ล้านบาท พอเปลี่ยนที่ใหม่
งบฯบานเกือบเท่าตัว เป็น 140 ล้าน ???
ขนาดขู่ว่า สมาชิกโอทอปจะไม่เข้าร่วมกิจกรรม ฯพณฯ บุญจง ก็เมินเฉย ยืนกระต่ายขาเดียว จะให้จัดที่สนามศุภฯ และห้างไฮโซให้ได้ อ้างรถไม่ติด
อ้าว แล้วจัดที่สนามศุภฯกับห้างไฮโซ รถไม่ติดหรือ แถวนั้นติดโคตรกว่าหลายเท่า กว่าจะหมุนหาที่จอดรถได้แต่ละทีแทบรากเลือด แล้วกระจายตั้ง 5-6 แห่ง เดินแค่ห้างเดียว ก็หมดอารมณ์แล้ว ถึงแต่ละห้าง จะอยู่ย่านเดียวกัน แต่ใกล้กันซะ เมื่อไหร่
สยามพารากอนกับดิเอ็มโพเรียมนั้น ถ้าไม่นั่งรถไฟฟ้า ก็ไปไม่ได้ จะเอารถไปเอง ก็ติดเป็นชั่วโมง แล้วมันสะดวก หรือขยายตลาดตรงไหนเนี่ย เหตุผลที่นายบุญจงยกมาอ้าง
จึงฟังไม่ขึ้นเอาซะเลย
ล่าสุด นายมงคล เข้าร้องเรียน นายกรัฐมนตรี ขอให้ทบทวนสถานที่จัดอีกครั้ง เพราะงานใกล้เข้ามาแล้ว มี 29 มีนาคมถึง 5 เมษายนนี้ ก็ไม่รู้ ท่านนายกฯ จะกล้าหักดิบบุญจงหรือไม่ แต่เชื่อว่าคงไม่กล้า !!!
ก็แปลก รัฐถังแตก สู้เอาเงินไปตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ไล่แจก หาเสียงกัน แต่ทีชาวบ้าน จะค้าขาย สร้างงาน สร้างเงิน แทนที่จะส่งเสริม กลับจะทำลายเสียอีก หรือ มีผลประโยชน์แอบแฝงอย่างที่คนเค้าสงสัย
ก็ถ้าไม่มี ทำไมถึงไม่ยอมฟังเสียงคน “โอทอป” ตัวจริง เสียงจริง บ้างเลย ???.