ที่มา ประชาไท
ผศ.นพพร เหรียญทอง รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนาระบบ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) วิทยาเขตปัตตานี เปิดเผยผ่านหนังสือพิมพ์บูมีตานี ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ฝึกหัดของนักศึกษาคณะวิทยาการสื่อสาร ม.อ. วิทยาเขตปัตตานีถึงความคืบหน้าการก่อสร้างหอพักนักศึกษา 9 ว่า จะหมดสัญญาในวันที่ 28 กันยายน 2552 หากไม่สามารถก่อสร้างเสร็จตามกำหนดก็จะถูกปรับตามที่ระบุไว้ในสัญญา เนื่องจากการก่อสร้างหอพัก 9 ได้ผ่านการใช้สิทธิ์ขยายระยะเวลาก่อสร้างมาแล้ว
ผศ.นพพร เปิดเผยด้วยว่า ที่ผ่านมาอาคารที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่ในมหวิทยาลัยขณะนี้ทุกหลังมีการขยายสัญญาการก่อสร้างทั้งหมด เพราะมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ขยายสัญญาการก่อสร้างได้ เพื่อช่วยเหลือผู้รับเหมาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ทางมหาวิทยาลัยก็พยายามคุยกับผู้รับเหมาว่า ทางมหาวิทยาลัยต้องการใช้อาคารให้เร็วที่สุด เช่น ต้องการให้ก่อสร้างเสร็จก่อนเปิดเทอมใหม่ แต่ถ้าไม่เสร็จก็สามารถขยายตามมติ ครม.
ผศ.นพพร เปิดเผยว่า ในวิทยาเขตปัตตานีมีผู้รับเหมาก่อสร้างหลายบริษัท เช่น การก่อสร้างแฟลตพัก 4 หลัง รับเหมาโดยบริษัทบิลเลียนเอนจีเนียริ่ง จำกัด ขณะที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดคงมั่นการช่าง รับเหมาก่อสร้างมากกว่าบริษัทอื่น
“บางบริษัทสามารถดำเนินการก่อสร้างมากกว่าบริษัทอื่นๆ เพราะผ่านการประมูลในระบบอิเล็กทนิกส์ หรือ อีอ๊อกชั่น โดยทุกโครงการมีผู้ซื้อไม่ต่ำกว่า 5 ราย ยกเว้นอาคารของวิทยาลัยอิสลามศึกษาที่เป็นงบประมาณของจังหวัดเปิดประมูลในวิธีพิเศษ” ผศ.นพพรกล่าว
ผศ.นพพร เปิดเผยต่อว่า ในกระบวนการประมูลงานผ่านระบบอีออพชั่น ผู้ที่จะได้งาน คือ ผู้ที่เสนอราคาต่ำสุด จึงทำให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดคงมั่นการช่าง ได้รับงานก่อสร้างในวิทยาเขตปัตตานี มากกว่าบริษัทอื่น
ผศ.นพพร เปิดเผยด้วยว่า สำหรับโครงการก่อสร้างที่ดำเนินการล่าช้ากว่าแผนการใช้งบประมาณ 272 ล้านบาท คือ การก่อสร้างหอพัก 10 ศูนย์กีฬาหรือสนามกีฬา สนามบาสเก็ตบอล สนามตระกร้อ สนามเทนนิส สนามฟุตบอลชายหาด ซึ่งบริษัทที่ประมูลได้ คือห้างหุ้นส่วนจำกัดคงมั่นการชั่ง ส่วนแฟลต 4 หลัง ที่กำลังก่อสร้างอยู่ ดำเนินการโดยบริษัทบิลเลียนเอนจีเนียริ่ง จำกัด
ผศ.นพพร เปิดเผยต่อว่า ส่วนอาคารเรียนรวมข้างอาคารคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์นั้น สาเหตุที่หยุดก่อสร้าง เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงตัวโครงสร้างและขนาดเหล็กเส้น คณะกรรมการตรวจสอบการจ้างจึงไม่ยอมให้ผ่าน
“เมื่อไม่ยอม บริษัทก็ทิ้งงาน ทางมหาวิทยาลัยจึงต้องฟ้องร้องดำเนินคดี ซึ่งต่อมาศาลได้นัดไกล่เกลี่ยกันเพื่อให้สามารถก่อสร้างต่อได้ โดยการตั้งคณะอนุญาโตตุลาการขึ้นมาให้พิจารณาและชี้ขาดในเรื่องนี้ แต่ทางบริษัทยังทำเฉยไม่ยอมมาไกล่เกลี่ย ทั้งที่ทางมหาวิทยาลัยต้องการให้ก่อสร้างต่อจนแล้วเสร็จ ทางมหาวิทยาลัยจึงตัดสินใจยกเลิกสัญญาเพื่อตัดปัญหา เพราะถ้ายืดเยื้อออกไปอีก อาคารเรียนรวมก็ไม่สามารถสร้างต่อได้ ทางบริษัทจึงได้เบิกเงินไปเฉพาะส่วนที่ก่อสร้างไปแล้วเท่านั้น ส่วนที่ยังสร้างไม่ครบ ทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ให้เบิกเงิน” ผศ.นพพรกล่าว
ผศ.นพพร เปิดเผยอีกว่า ส่วนการก่อสร้างอาคารของวิทยาลัยอิสลามศึกษานั้น ผ่านการต่อสัญญามาก่อนด้วยเช่นกัน แต่ก็ดำเนินการจนแล้วเสร็จ แต่ยังไม่รวมครุภัณฑ์ต้องของบประมาณจัดซื้อเพิ่ม
“ตึกดังกล่าว คือ วิทยาลัยนานาชาติอิสลามศึกษา มีการต่อสัญญาถึง 5 ครั้ง กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ตามสัญญา” ผศ.นพพร กล่าว
ผศ.นพพร เปิดเผยต่อว่า ส่วนอาคารคณะวิทยาการสื่อสารซึ่งก่อสร้างเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้ตรวจรับงาน ซึ่งต้องของบประมาณจัดซื้อครุภัณฑ์เพิ่ม แต่บางคนไม่เข้าใจ แล้วบอกว่า จะตรวจรับงานมาได้อย่างไร ในเมื่องยังไม่ก่อสร้างเสร็จ เพราะยังไม่ได้ติดตั้งอุปกรณ์ ครุภัณฑ์ ซึ่งมันแยกส่วนกัน
รศ.อิ่มจิต เลิศพงษ์สมบัติ คณบดีคณะวิทยาการสื่อสาร กล่าวถึงความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารคณะวิทยาการสื่อสารว่า สาเหตุที่การดำเนินการล่าช้ามาจากการที่บริษัทผู้รับเหมาใช้สิทธ์ของการขยายเวลาการทำงานตามมติคณะรัฐมนตรี ที่ต้องการช่วยเหลือผู้รับเหมาก่อสร้างในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบกับในขณะนั้นเศรษฐกิจตกต่ำ เลยต้องการช่วยเหลือกับผู้รับเหมา จึงทำให้ผู้รับเหมาสามารถขยายเวลาการทำงานออกไปอีกได้
ขณะนี้คาดว่าการก่อสร้างอาคารคณะวิทยาการสื่อสารจะแล้วเสร็จประมาณเดือนกันยายน 2552 และเปิดใช้งานได้ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2552 หรือในภาคการศึกษาที่ 2 แต่การเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ เครื่องใช้ต่างๆ รวมทั้งการจัดทำระบบเครือข่ายต่างๆ ระบบการสื่อสาร ระบบสาธารณูปโภคของตึกใหม่ให้เรียบร้อยอาจล่าช้าออกไปอีก เพราะหากระบบขัดข้อง การเรียนการสอนก็จะเกิดปัญหาตามมา
ส่วนราชการผู้ว่าจ้างจะต้องดำเนินการตรวจสอบความเรียบร้อยของงานจ้าง เพื่อให้สามารถเรียกผู้รับจ้างมาซ่อมแซมแก้ไขความชำรุดบกพร่อง (ถ้ามี) ได้ตามสิทธิของสัญญา และถ้าผู้รับจ้างไม่มาดำเนินการซ่อมแซมความชำรุดบกพร่องของงานจ้างตามสัญญา ให้พิจารณาดำเนินการลงโทษผู้รับจ้างดังกล่าว ให้เป็นผู้ทิ้งงานตามขั้นตอนของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ
พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต่อไปด้วย