ที่มา บางกอกทูเดย์
มนุษย์เรานี้ก็แปลก...สวมหมวก ใส่เครื่องแบบก็คิดว่าตน คือ “ผู้ยิ่งใหญ่” กลายเป็นผู้มีอำนาจบารมี ต้องให้บุคคลอื่นเกรงอกเกรงใจ “ยกมือไหว้”ที่พูดถึงนี้...หมายถึง “เฉพาะบางบุคคล”ไม่ได้เหมารวมเสียทั้งหมด...แต่สุภาษิตไทยกล่าวไว้ “ปลาเน่าตัวเดียว...เหม็นหมดทั้งข้อง”ตั้งแต่ “ผู้บังคับบัญชา” ไปจนถึง “ผู้ใต้บังคับบัญชา” หากพวกท่านไม่ยึดหลักความถูกต้อง เหมาะสมและโปร่งใสในหน้าที่วิชาชีพประเทศชาติคงเดินหน้าสู่ “ความหายนะ”เพราะที่พึ่งของประชาชนกลับกลายเป็น“ทรชน” ที่ไม่คิดปฏิบัติดีต่อบ้านเมือง...ทำตัวกร่างคุกคาม “ให้โทษ” ประชาชนสวมบท “กุ๊ย” เสมือนเอาพวก “คนถ่อย”ไม่รู้จักกาลเทศะขึ้นทำหน้าที่ปกป้องประเทศชาติและเป็นผู้ให้บริการประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง..ความรู้สึกไม่ดีเมื่อต้องเห็นประชาชนตกเป็น “เบี้ยล่าง” ซึ่งเป็น “สาเหตุสำคัญ” ที่ทำให้ประเทศชาติเกิดการแบ่งแยก...ไม่ไว้ใจซึ่งกันและกันเฉกเช่น “สิบโท” ชื่อย่อ ป.ปลา สังกัดร.152 พัน 3 ค่ายสมเด็จพระศรีสุริโย
ทัยหนองแกง อ.หัวหินนายทหารหนุ่มที่หลงใหล เยาวชนหญิงข้างห้องจนเกินงาม...ตามราวีระราน พูดจา“หมิ่นประมาท” ไม่ให้เกียรติหลายครั้งหลายหนทำตัวเป็น “ชีเปลือย” ขาดซึ่งความเป็น“สุภาพบุรุษ” ไม่สมกับเป็นนายทหารที่สวมเครื่องแบบเต็มยศอันศักดิ์สิทธิ์ไม่ว่า เยาวชนหญิง จะกลับบ้านหรือออกไปโรงเรียน...ทหารหนุ่มจะ “ตามตื๊อ” จนพ่อของเธอต้องไปขอร้องให้ “หยุดคุกคาม”ลูกสาวตนแต่ไร้ผล...กลับมีเรื่องมีราว “ชกต่อย” กับพ่อเยาวชน ซึ่งเป็นทหารชุดเขียว “สีเลือดเดียวกัน”ถึงขั้น “สุดทน” มารดาผู้เสียหายต้องเข้าแจ้งความ แต่ไม่วายโดย “กมลสันดาน” สิบโทผู้นี้ที่ยังคง “ทำตัวกร่าง”อ้างรู้จักนายใหญ่...จะทำอะไรก็ย่อมได้!เรื่องนี้ต้องฝากไปถึง “พ.ต.ท.อุดม ใจนุ่ม”พนักงานสอบสวน สภ.หัวหิน ลองตรวจสอบข้อมูลเรื่องราว “เขียวกร่าง” นั้นจริงเท็จเป็นเช่นไรที่คิดได้...สิบโทผู้นี้เป็นคน “นครศรีธรรมราช”กำลังจะขอย้ายกลับไปนครศรีฯ หากไม่ “ลงโทษ”กำราบให้หลาบจำ...เชื้อบ้าของคนบ้ามันจะแพร่พันธุ์ไปทุกพื้นที่บ้านนี้เมืองนี้มีแต่ “ผู้ยิ่งใหญ่” ครับท่าน! ■