ที่มา บางกอกทูเดย์
เมื่อฝ่ายค้านทำหน้าที่ตามระเบียบการประชุมอย่างถูกต้อง ก็ไม่ควรที่จะประท้วงพร่ำเพรื่อราวเด็กทารก!!!ยิ่งครั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ขออนุญาตประธานที่ประชุม เพื่ออ่านเอกสารอย่างถูกต้องตามระเบียบและประธานก็ได้วินิจฉัยแล้วว่าให้อ่านได้ทำไมจึงประท้วงกันวุ่นวายเสียขนาดนั้น
การขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ดีการตั้งกระทู้สดเพื่อสอบถามเรื่องสำคัญๆ ที่ประชาชนกำลังให้ความสนใจก็ดีล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องปกติของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่ง ส.ส.สามารถที่จะร้องขอหรือร่วมกันเข้าชื่อเพื่อดำเนินการได้ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพราะฉะนั้นการที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งกระทู้สดเรื่องคลิปตัดต่อเสียงนายกรัฐมนตรี สั่งการให้ใช้ความรุนแรงกับกลุ่มคนเสื้อแดงในการชุมนุมเดือนเมษายนที่ผ่านมานั้นจึงถือเป็นเรื่องของการทำหน้าที่ตามปกติซึ่งเชื่อว่าเรื่องนี้ทาง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี ก็ย่อมรู้เรื่องเป็นอย่างดี เพราะได้มีการให้สัมภาษณ์อย่างต่อเนื่องก่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่าพร้อมที่จะตอบกระทู้ถามสดของ ร.ต.อ.เฉลิม ไม่ได้ห่วงหรือว่ามีปัญหาอะไรแม้กระทั่งในเรื่องที่จะมีการขอเปิดคลิปเสียงในที่ประชุมสภาฯ นายอภิสิทธิ์ก็พูดชัดเจนและกล้าหาญว่า เป็นอำนาจของประธานสภาฯ ที่จะวินิจฉัยและต้องพิจารณาจากข้อบังคับดังนั้น ในการประชุมสภาฯในวันที่ 3 กันยายนโดยหลักการแล้วไม่น่าที่จะมีเรื่องราวหรือมีภาพที่วุ่นวายให้ขายหน้าคนทั้งประเทศหรือคน
ทั้งโลก เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อยแต่กลับกลายเป็นว่า เป็นการประชุมที่ไม่ใช่แค่ไม่ราบรื่นแต่ยังวุ่นวายราวกับตลาดสด ไม่ใช่สภาฯ อันทรงเกียรติทั้งหลายทั้งปวงล้วนเนื่องมาจากบรรดาองครักษ์พิทักษ์นายอภิสิทธิ์ มีการลุกขึ้นประท้วง ลุกขึ้นกันแย่งพูด โดยไม่ได้ให้ความเกรงใจ นายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาฯคนที่ 1 ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุมเลยแม้แต่น้อยขณะเดียวกันนายสามารถในฐานะประธานที่ประชุมเองก็คุมเกมไม่อยู่ ใครนึกจะพูดก็พูดได้ โดยไม่ถูกปิดไมค์และสั่งให้นั่งลงคนที่ดูถ่ายทอดสดถึงกับส่ายหน้าด้วยความระอาและเกิดคำถามไปทั่วทั้งสังคมว่าทำไมประธานไม่ปิดไมค์ ปล่อยให้โหวกเหวกโวยวายกันราวกับอยู่ในตลาดอยู่ได้ไมค์ปิดไม่ได้ หรือว่ามีใครสั่งไว้ว่าไม่ให้ปิดอย่างนั้นหรือ???ยังดีอยู่ที่บรรดา ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน เมื่อมอบให้ ร.ต.อ.เฉลิมเป็นหัวหอกในเรื่องนี้แล้ว ก็เลยไม่ได้วุ่นวายขึ้นมาบ้างไม่งั้นอาจจะเกิดภาพแบบการประชุมสภาฯ ไต้หวันที่ถึงขั้นชกต่อยกันชุลมุนก็เป็นได้โชคดีที่ครั้งนี้ฝ่ายค้านให้ความเคารพประธานที่ประชุมเป็นอย่างดี แต่กระนั้นก็มิวายเจอฤทธิ์เดชของพรรคประชาธิปัตย์ที่ประท้วงตามใจตัวเองกันวุ่นวาย สภาฯเลยกลายเป็นตลาดสดปรากฏให้เห็นกันทุกบ้านทุกช่องดังนั้น คำถามก็คือบรรดาองครักษ์พิทักษ์อภิสิทธิ์ทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไรใครสั่ง?!?หรือว่าเป็นเพราะมาจากคำพูดของ
นายอภิสิทธิ์ที่พูดให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมสภาฯ ว่าในเมื่อคลิปดังกล่าวมีการพิสูจน์แล้วว่าเป็นการตัดต่อ ก็ไม่สมควรนำมาเปิดในที่ประชุมสภาฯบรรดาองครักษ์ก็เลยต้องทำคะแนนกันเต็มเหยียด เพื่อโชว์ว่าช่วยให้ได้ตามที่นายอภิสิทธิ์ต้องการแต่หากมองความพร้อม การทำการบ้านการเตรียมข้อมูล การเก็บอาการและรักษาสีหน้าของนายอภิสิทธิ์ในระหว่างฟังร.ต.อ.เฉลิม พูด ล้วนแสดงความมุ่งมั่นที่จะตอบที่จะอธิบายเรื่องนี้อยู่แล้วแล้วทำไมองครักษ์ดูไม่ออก แล้วทำไมวิปรัฐบาลไม่กระซิบว่า ควรรักษาภาพลักษณ์การประชุมสภาฯ บ้างไม่ใช่ปล่อยให้ประท้วงอัปลักษณ์ จ้อกแจ้ก จอแจวุ่นวาย เอ็ดอึงไปหมด กลายเป็นภาพลักษณ์ที่ติดลบไปอย่างน่าเสียดายหากปล่อยให้นายอภิสิทธิ์ซึ่งทำการบ้านมาดีเป็นผู้ตอบโดยไม่ต้องมีการประท้วง รับรองได้ว่าภาพลักษณ์ของนายอภิสิทธิ์จะสง่างามกว่านี้แน่นอนและคงไม่ถูก ร.ต.อ.เฉลิม สอนมวยหมดทั้งพรรคว่า เวลาที่นายอภิสิทธิ์ใช้สิทธิ์ลุกขึ้นชี้แจงนั้น ฝ่ายค้านไม่ได้มีการประท้วงให้เวลาเต็มที่ เพราะรู้จักมารยาท ให้เกียรติทั้งผู้ชี้แจงและให้เกียรติประธานที่ประชุมด้วยที่สำคัญ และเป็นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ ควรที่จะต้องกลับไปประชุมทบทวน สั่งสอนอบรมมารยาทในการประชุมแก่บรรดาลูกพรรค โดยเฉพาะอาสาองครักษ์ทั้งหลายว่าเมื่อฝ่ายค้านทำหน้าที่ตามระเบียบการประชุมอย่างถูกต้อง ก็ไม่ควรที่จะประท้วงพร่ำเพรื่อราวเด็กทารก!!!ยิ่งครั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ขออนุญาตประธานที่ประชุมเพื่ออ่านเอกสารอย่างถูกต้องตามระเบียบ และประธานก็ได้วินิจฉัยแล้วว่าให้อ่านได้ทำไมจึงประท้วงกันวุ่นวายเสียขนาดนั้นทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วนายอภิสิทธิ์ถือว่าทำการบ้านมาดีมากบอกเลยว่าเอามาจากคำพูดวันที่ 19 และ 26 เมษายนอย่างคำว่า “ให้ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ”นายกฯ อภิสิทธิ์ ก็บอกเลยว่า เอามาจากประโยคที่พูดว่า“พึงหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ”โชว์ปริ๊นคลื่นเสียงเสร็จสรรพว่า เหมือนกันเป๊ะหรืออย่างประโยคที่ว่า “ให้ไปปิดสถานีโทรทัศน์ปิดสถานีวิทยุกระจายเสียง”
ก็มาจากประโยคในวันที่ 19 เมษายน ที่พูดว่า “ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยอาจจะเข้าใจไปว่า มีการให้ปิดสถานีโทรทัศน์ปิดสถานีวิทยุกระจายเสียง”บอกได้ชนิดว่าพูดนาทีที่เท่าไร วินาทีที่เท่าไรกันเลยทำการบ้านมาขนาดนี้ น่าจะกระซิบปรามบรรดาองครักษ์ว่าอย่าทำให้ขายหน้าเลย...ถ้าเป็นอย่างนั้น ภาพลักษณ์ของนายอภิสิทธิ์จะยิ่งสง่างามแต่เพราะไม่ได้มีการปราม ปล่อยให้คะนองปากคะนองอารมณ์กันอย่างสนุกสนาน จึงเกิดภาพที่ไม่เหมาะสมอย่างน่าเสียดายที่สุดเพราะจริงๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็นอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือกระทู้สดหากรัฐบาลมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควรแล้วควรจะต้องถือเป็นโอกาสที่ดีและโอกาสที่สำคัญที่สุดในการที่จะใช้สภาฯ เป็นเวทีตอบข้อสงสัยขณะเดียวกันก็ได้ฟังข้อมูลจากฝ่ายค้านว่า ..สงสัยอะไรมีข้อมูลอะไรเพราะสิ่งที่ ร.ต.อ.เฉลิม พูดนั้น ก็มีเหตุผลน่ารับฟังไม่ว่าจะเป็นข้อสงสัยว่า ทำไมส่งเรื่องไปวันที่ 26 สิงหาคมวันที่ 27 สิงหาคม ได้คำตอบมาแล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำเรื่องนี้ก็จบด้านฟิสิกส์ ไม่ได้มีประวัติในการเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเสียงแถมไม่ได้ขึ้นทะเบียนผู้เชี่ยวชาญเอาไว้กับศาลด้วยหรือเรื่องที่ส่งไปให้ทางบริษัทกันตนาตรวจสอบมีความเหมาะสมและสมควร หรือถูกต้องแค่ไหนรวมทั้งเรื่องที่ปล่อยให้ พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์โรจนสุนันท์ ซึ่งเป็นหมอชันสูตรพลิกศพ มาชันสูตรพลิกเสียงมันเหมาะสมน่าเชื่อถือตรงไหนนั่นคือสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ควรเก็บไปเป็นข้อมูล ไปเป็นบทเรียนเพราะที่สำคัญยังมุ่งหวังที่จะอยู่บนถนนการเมืองไปอีกนานนั้นเรื่องนี้จริงๆ แล้วก็อย่างที่ ร.ต.อ.เฉลิม สรุปนั่นแหละว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนที่อ้างว่าเป็นเรื่องของความมั่นคงของประเทศแต่เป็นแค่เรื่องความมั่นคงของนายอภิสิทธิ์เองจึงจำเป็นต้องพิสูจน์ให้ชัด ไม่ใช่อ้างว่าเร่งด่วนเพราะหากพูดจริงก็จบ อยู่ไม่ได้ เจ๊งแน่แต่หากไม่ได้พูดอย่างในคลิปจริง ก็รอดแค่นี้เองจริงๆดังนั้น การทุ่มเทประท้วงแบบอัปลักษณ์ จึงกลายเป็นทำลายภาพลักษณ์ไปอย่างน่าเสียดายยิ่งนัก!!! ■
ไม่ให้เปิดคลิปเสียง
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สามารถ แก้วมีชัย สุเทพ เทือกสุบรรณบรรยากาศในการประชุมสภาฯ เริ่มร้อนแรงขึ้นเมื่อ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า คลิปเสียงดังกล่าวมีการตัดต่อในส่วนที่ไม่ใช่คำพูดของ นายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกไปและมีการนำเนื้อหาคำพูด 6 ย่อหน้ามาเชื่อมเข้าด้วยกันจึงขออนุญาต นายสามารถ แก้วมีชัยประธานในที่ประชุม เปิดคลิปเสียงแต่นายสามารถชี้แจงว่า นายชัย ชิดชอบประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้สั่งการแล้วว่าไม่อนุญาตให้มีการเปิดคลิปเป็นผลให้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวท้าทายนายกรัฐมนตรีว่ามีความกล้าหรือไม่ เพราะ ร.ต.อ.เฉลิม นั้นพร้อมที่จะต่อสู้คดีหากเกิดการฟ้องร้องจากนั้นจึงเกิดการประท้วงของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ วุ่นวายไปหมดและก่อให้เกิดคำถามตามมาจากสังคมมากมายว่า ทำไมจึงต้องวุ่นวายขนาดนั้นจนภาพลักษณ์ที่ออกมาดูไม่ดีเอาเสียเลยสำหรับการประชุมสภาฯ ที่ควรจะเป็นสถานที่อันทรงเกียรติ ■