ที่มา ประชาไท
หลังจากที่ได้อภิปรายโต้ตอบกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย และมีการพูดเปรียบเทียบว่าเป็นหมา ล่าสุดนายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า "ผมไม่ได้มีอารมณ์ ผมพูดตามหลักวิชาการ แต่คนที่มีอารมณ์ก็ต้องไปดูคนที่หน้าแดงนั่นแหละ แต่ผมยืนยันว่าไม่ได้มีอารมณ์"
มติชนออนไลน์ รายงานว่า วานนี้ (4 ก.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลสำรวจของดุสิตโพลระบุเรตติ้งความนิยมในตัวลดลง หลังจากที่ได้อภิปรายโต้ตอบกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย และมีการพูดเปรียบเทียบว่าเป็นหมา ว่า "ผมไม่ได้มีอารมณ์ ผมพูดตามหลักวิชาการ แต่คนที่มีอารมณ์ก็ต้องไปดูคนที่หน้าแดงนั่นแหละ แต่ผมยืนยันว่าไม่ได้มีอารมณ์"
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงพื้นที่ที่จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนที่พกระเบิดปิงปอง ว่า ไม่ใช่เป็นระเบิดปิงปอง แต่เป็นประทัดยักษ์ ซึ่งตอนที่อยู่ในพื้นที่ก็ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว มารู้อีกครั้งเมื่อเห็นข่าวแล้ว ส่วนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ประกาศรวมตัวกันในวันที่ 19 กันยายนนั้น คิดว่ายังอีกนาน
ด้านนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย คณะกรรมการตรวจสอบการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 เมษายน แถลงภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการรวบรวมเหตุการณ์ที่บริเวณสามเหลี่ยมดิน แดง ที่มีนายสมศักดิ์ บุญทอง เป็นประธาน กรณีผลการตรวจสอบคลิปเสียงของนายกฯ ที่ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ตรวจสอบด้วยเครื่องระบบออร่าซิตี้พบว่า มีการตัดต่อคลิปเสียงและพบจุดตัดต่อถึง 62 จุด แต่ทางคณะกรรมการได้รับการชี้แจงข้อมูลจาก พ.ต.ท.วิวัฒน์ สิทธิสรเดช นักวิทยาศาสตร์ (สบ 3) กลุ่มงานตรวจสอบทางเคมี ฟิสิกส์ และชีววิทยา กองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบพบว่ามีจุดตัดต่อ 3 จุด และยังมีจุดที่ยังไม่แน่ชัดอีก 7 จุด โดยรวมแล้วไม่เกิน 10 จุด
โดยจุดที่มีการตัดต่อบางช่วงนั้นไม่ได้ทำให้สาระสำคัญผิดไป และเมื่อนำคลื่นเสียงของนายกฯ ที่พูดในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ เมื่อวันที่ 26 เมษายน ตามที่นายกรัฐมนตรีชี้แจงในสภามาเปรียบเทียบกับคลื่นเสียงของคลิปเสียงดัง กล่าวเห็นได้ชัดว่าคลื่นเสียงมีขนาดไม่เท่ากัน หมายความว่าคลิปเสียงดังกล่าวไม่ได้มีการตัดต่อมาจากรายการเชื่อมั่นประเทศ ไทยฯ ทางคณะกรรมการการตรวจสอบเชื่อว่านายอภิสิทธิ์มีการสั่งการจริงตามคลิปเสียง ดังกล่าว โดยทางคณะกรรมการจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 10 กันยายนนี้เพื่อเชิญนายกฯเข้าชี้แจง
"เอกสารนี้กองพิสูจน์หลักฐานเพิ่งตรวจสอบเสร็จสิ้น ได้จัดพิมพ์เป็นเอกสาร พร้อมเซ็นชื่อกำกับถูกต้อง สรุปว่ามีร่องรอยการตัดต่อไม่เกิน 10 จุด โดยมีตัดต่อชัดเจน 3 จุด และอาจมีตัดต่ออีก 7 จุด สิ่งสำคัญประโยคถ้อยคำยาว และสาระสำคัญ ไม่ถูกตัดหายไป ทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานที่ได้ตรวจสอบและทำเอกสารลำดับเหตุการณ์ ระบุว่าในลำดับที่ 2, 10 และ 22 ที่เป็นเนื้อหาสาระที่ถ้อยคำพูดของนายกฯที่พูดต่อเนื่องเกี่ยวกับการสร้าง เงื่อนไขเพื่อให้ประกาศภาวะฉุกเฉินรวมไปถึงกรณีพาดพิงอดีตนายกฯที่มี พฤติกรรมจาบจ้วง หรือกล่าวหาสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นประเด็นที่นายกฯไม่ได้ชี้แจงในสภา เพราะหลักฐานที่กองพิสูจน์หลักฐานให้อนุกรรมการนั้นเพิ่งเสร็จวันนี้และให้ อนุกรรมการดูเป็นที่แรก ดังนั้น เรื่องนี้เป็นประเด็นที่นายกฯจะต้องชี้แจงมากกว่านี้" นายวรวัจน์กล่าว
พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) กล่าวถึงคดีคลิปเสียง หลังจากจับกุมพนักงานบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 2 คน ว่าขณะนี้นับว่ามีความรุดหน้าไปมาก และมีการพิจารณาออกหมายเรียกบุคคลต่างๆ เพื่อเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนโดยจะเรียกให้เข้าพบในจำนวนเท่าที่พยาน หลักฐานเกี่ยวโยงไปถึง โดยทางพนักงานสอบสวนจะนัดหมายวัน เวลา และสถานที่อีกครั้ง ผู้สื่อข่าวถามว่า บุคคลที่จะเชิญตัวมาสอบปากคำนั้นเป็นพนักงานบริษัท เอสซี แอสเสทฯทั้งหมดหรือไม่ พล.ต.ต.ปัญญากล่าวว่า ยังไม่สามารถระบุได้เนื่องจากเกรงว่าจะเสียรูปคดี เมื่อถามถึงการตรวจสอบหลักฐานที่ได้จากเครื่องคอมพิวเตอร์ภายในบริษัทดัง กล่าวสามารถสาวไปถึงบุคคลใดได้บ้าง พล.ต.ต.ปัญญาระบุว่า ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลต่างๆ ได้