ที่มา ข่าวสด
ทิ้งหมัดเข้ามุม
คาดเชือก คาถาพัน
"ทีนี้ภาวะผู้นำก็คือต้องดื้อ ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง คนเป็นผู้นำต้องดื้ออยู่แล้ว ตามตำราบอกไว้อย่างนั้น
"ถ้าไม่ดื้อก็เป็นผู้นำไม่ได้"
วาทะคมคายจนแทบบาดหูอย่างนี้เป็นของนายศิริโชค โสภา เจ้าของฉายา "วอลเปเปอร์" ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ที่ตอบข้อถามเรื่องการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ ซึ่งเป็นปัญหายืดเยื้อมากว่า 2 สัปดาห์
และทำท่าจะเป็นปัญหายืดเยื้อไปอีกพักใหญ่
เพราะในขณะที่นายกรัฐมนตรีระบุว่ากำลังรวบรวมข้อมูลให้รอบด้าน ไม่เหมือนคนอื่นที่ออกมาพูดทั้งที่มีข้อมูลด้านเดียว(ไม่รู้ตั้งใจจะให้กระทบถึงใคร)
คนรอบข้าง-ซึ่งไม่แน่ใจว่ามีวอลเปเปอร์รวมอยู่ด้วยหรือไม่ ก็ขยันออกข่าวว่ามั่นใจเหลือเกินเรื่องการเสนอชื่อผบ.ตร.คนต่อไป
ว่ายังไงก็จะดันพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ เข้าวินแหงๆ
ระบุมาเสร็จสรรพว่า หนหน้าคะแนนเสียงออกมาคือ 9 ต่อ 2
กรุณาตัดแปะข้างฝากันไว้ด้วย
เพื่อจะได้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าดื้อ กับความมั่นใจในตัวเองของผู้นำนั้นตำราที่นายศิริโชคไม่ได้อ่านบอกว่าเป็นคนละเรื่องกัน
เพราะผู้นำจะมั่นใจได้ ต้องตัดสินใจอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่รอบคอบ รอบด้าน
และมีความสามารถในการวิเคราะห์แยกแยะด้วยว่า ข้อมูลที่ได้รับมาอะไรจริงอะไรเท็จ
รวมถึงคนที่มาพูดนั้น ใครของจริงใครของเก๊
แต่ดื้อก็คือตรงข้ามทั้งหมดกับข้างต้นที่ว่ามา แต่ว่าตัดสินใจเพราะชอบหรือเชื่อหัวปักหัวปำ
ที่แตกต่างกันอย่างสำคัญระหว่างดื้อกับภาวะผู้นำก็คือ
ผู้นำตัดสินใจอะไรไปแล้ว ถ้าผิดเขาก็พร้อมรับหมด
แต่ดื้อนั้นเป็นอาการของเด็ก
คิดเหมือนเล่นขายของว่า ถ้าหนนี้ผิดไป เดี๋ยวก็ทำใหม่ได้ ส่วนที่เล่นแล้วทำไฟไหม้บ้านนั้นไม่รับรู้ ไม่รับผิดชอบด้วย
คำถามคือนายกฯ ดื้อหรือเป็นผู้นำ?