ที่มา ไทยรัฐ
อนุ ก.ตร. สรุปผลสอบ ไม่มีซื้อขายตำแหน่งตำรวจ แต่มีปัญหาคำสั่ง กว่า 2,900 ตำแหน่ง ที่อาศัยยกเว้นหลักเกณฑ์ ก.ตร. ในสมัย "พล.ต.อ.พัชรวาท" ...
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (4 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายสมศักดิ์ บุญทอง ประธานอนุ ก.ตร. สอบซื้อขายตำแหน่ง เป็นประธานประชุมสรุปผลไต่สวนกรณีที่ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ร้องเรียนเรื่องซื้อขายตำแหน่งตำรวจ โดยใช้เวลาประชุม 4 ชั่วโมง
พ.ต.ท.วีระยศ ชื่นกลิ่นธูปศิริ รอง ผกก.สภ.แก่งกระจาย จ.เพชรบุรี กล่าวว่า ได้นำข้อมูลการโอนเงินเข้าบัญชีโดยมีที่เกี่ยวข้อง 3 ราย ที่มีประชาชนมอบมาให้เพื่อ เสนอให้ อนุ ก.ตร.ตรวจสอบ โดยมีข้อมูลโอนเงินเข้าบัญชีวันที่ 1 ก.ค. 2552 จำนวน 1,375,083 บาท วันที่ 4 ส.ค.2552 จำนวน 1,500,000 บาท และยอดรวมที่อยู่ในบัญชี 3,400,000 บาท ที่มีทยอยถอนออกไปครั้งละ 2 หมื่นบาท โดยมีบางวันถอนกว่า 20-30 ครั้ง
จากการสืบสวนทางลับ พบว่า การโอนเงินเข้าบัญชีเป็นการวิ่งเลื่อนตำแหน่ง รอง ผกก. ขึ้นเป็น ผกก. ขณะนี้ให้หลักฐาน ก.ตร.ตรวจสอบว่าใครเป็นคนโอนเงินเข้าบัญชี และใครเป็นผู้ที่ถอนออกไป แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งราคาวิ่งเต้นโยกย้ายมีทั้งระดับเกรดเอ เกรดบี และเกรดซี แต่ละตำแหน่งวิ่งเต้นไม่เท่ากัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการโอนเงินเข้าถึงระดับผู้ใหญ่ระดับใดบ้างหรือไม่ พ.ต.ท.วีระยศ กล่าวว่า ผู้มีอำนาจแต่งตั้งระดับตำรวจสั่งการไป แต่ไม่แน่ใจว่าถึงระดับตำรวจหรือไม่ แต่คนที่ได้รับวิ่งเต้นการันตีว่าถ้าจ่ายเงินแล้ว จะได้รับการแต่งตั้ง คงต้องรอ อนุ ก.ตร. ตรวจสอบพยานหลักฐาน ซึ่งหลักฐานที่ได้มานั้นเป็นเงินที่ใช้ในการวิ่งเต้นตำแหน่งบัญชีนี้ มีผู้เกี่ยวข้อง 3 คน
ด้าน พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ โฆษก อนุ ก.ตร.สอบซื้อตำแหน่ง กล่าวว่า ข้อมูลที่ได้จากการสอบปากคำผู้ที่ให้ข้อมูลมีทั้งระดับผู้ช่วย ผบ.ตร. และ ผบช. เกือบทุก บช. รวมทั้งที่ผู้ที่ได้ร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม ซึ่ง อนุก.ตร.ได้สอบปากคำ 80 กว่าปาก โดยอนุ ก.ตร. มีความเห็นว่า การสอบสวนชัดเจนเพียงพอที่จะเสนอความเห็นได้ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน และ วันนี้ได้สอบปากคำเพิ่มระดับ ผู้ช่วย ผบ.ตร ผบช. ผบก.ทพ. เพิ่มเติม รวมทั้ง พ.ต.ท.วีระยศ ได้นำข้อมูลมาให้อาจต้องรอความเห็นจากประธาน อนุ ก.ตร. สอบซื้อตำแหน่ง แต่จะเสนอผลสรุปในวันที่ 7 ก.ย. เพื่อเสนอประธาน ก.ตร.พิจารณาเพิ่มเติม และจากที่สอบปากคำ ผบช. ผู้ที่เกี่ยวข้อง และเอกสารข้อมูลเลขที่บัญชีเข้า-ออกจากบุคคลภายนอกที่ พ.ต.ท.วีระยศ อ้างว่า เป็นการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง ขณะนี้ยังไม่ได้ตรวจสอบ แต่จะเสนอให้คณะกรรมการชุดอื่นตรวจสอบต่อไป
พล.ต.อ.นพดล กล่าวว่า ขอยืนยันว่าคณะกรรมการฯ ชุดนี้เป็นผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือ แต่การสอบปากคำได้ประโยชน์จากระดับ ผบช. ที่ให้ถ้อยคำ และที่ห่วงว่าจะเป็นมวยล้มต้มคนดูนั้น ขอยืนยันว่าไม่มี คณะกรรมการได้พบข้อเท็จริงในการแต่งตั้งครั้งที่แล้วไม่เป็นไปตาม กฎ ก.ตร. ตามที่ได้เสนออนุมัติยกเว้นกฎ ก.ตร. เนื่องจาก กฎ ก.ตร. ปี 2549 ได้มอบอำนาจไห้ ผบ.ตร. และผบ.ตร.ได้ใช้อำนาจแต่งตั้งไปกว่า 2,912 ตำแหน่ง ซึ่งมากมายมหาศาล ซึ่งเป็นการแต่งตั้งสมัย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)
พล.ต.อ.นพดล กล่าวต่อว่า ตำรวจมีหน้าที่ดูแลประชาชน นอกจากงานในหน้าที่แล้ว ต้องรู้ว่าลูกน้องตนเองใช้ได้ หรือไม่ และต้องยอมคนในพื้นที่ จึงสามารถทำงานได้ คือ หลักของ ก.ตร. ซึ่งใน ปี 2549 เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องอยู่ในตำแหน่งครบ 2 ปี ก่อนสับเปลี่ยนโยกย้ายในระดับเดียวกันต้องทำให้น้อยที่สุด เพื่อประโยชน์ทางราชการ เว้นแต่นายตำรวจคนนั้นได้กระทำความผิด ถูกลงโทษหรือให้อยู่ต่อไปจะทำความเสียหายต่อทางราชการ ถ้าเป็นอย่างนั้นต้องย้ายออกนอกพื้นที่ แต่ได้มีกฎ หรือเพื่อประโยชน์ทางราชการ ผู้มีอำนาจจะใช้ตรงนี้มาอ้างประโยชน์ทางราชการ มีการโยกย้ายตำรวจทั้ง 2,912 ตำแหน่ง ทำให้ผู้ปฏิบัติ ไม่มีความมั่นคงในตำแหน่งหน้าที่ พอแต่งตั้งจะต้องวิ่งเต้นเข้าผู้มีอำนาจ ซึ่งจริงๆ แล้ว ก.ตร .ต้องการให้ตำรวจวิ่งไปหาประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้เสนอข้อมูลให้นายกรัฐมนตรีเพื่อลงโทษหรือไม่ พล.ต.อ.นพดล กล่าวว่า ตนเองตอบแทนนายกรัฐมนตรีไม่ได้ แต่ที่ได้ข้อมูล ยังไม่มีการรู้เห็น เรื่องซื้อขายตำแหน่ง และ อนุ ก.ตร มุ่งหวังว่าการพบข้อเท็จจริงครั้งนี้จะนำไปสู่การแก้ไขกติกา การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจให้มีความมั่นคงในชีวิต และประชาชนได้รับการดูแลอย่างแท้จริง
ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจาก ผบ.ตร. แล้วคำสั่งโยกย้าย 2,912 ตำแหน่ง ตำรวจอื่นเกี่ยวข้องหรือไม่ พล.ต.อ.นพดล กล่าวว่า มี แต่กี่คนบอกไม่ได้ เป็นระดับสูง แต่จะเสนอข้อมูลให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. ซึ่งในคำสั่งแต่งตั้งตำรวจกว่า 2,912 9 ตำแหน่งมีทุก บช. ตั้งแต่ระดับ รอง ผบก.ลงมาถึงระดับ สว.
นอกจากนี้ ในวันนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท ได้ทำหนังสือพร้อมหลักฐานถึง นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.ป เพื่อขอให้เลื่อนวันพิจารณาลงมติชี้มูลความผิดคดีการสลายม็อบพันธมิตรฯ ในวันที่ 7 ก.ย. ออกไปก่อน โดยอ้างว่า มีพยานหลักฐานใหม่ที่ ป.ป.ช. ยังไม่เคยมีพิจารณา อย่างไรก็ตาม ป.ป.ช.จะนำเรื่องหลักฐานใหม่ของ พล.ต.อ.พัชรวาท เข้าหารือในที่ประชุมใหญ่ป.ป.ช.วันที่ 7 ก.ย. เพื่อพิจารณาว่า หลักฐานที่ ผบ.ตร.ยื่นมานั้น เป็นหลักฐานใหม่จริงหรือไม่ หากเห็นว่า ไม่ใช่หลักฐานใหม่ ที่ประชุมป.ป.ช. ก็จะลงมติชี้มูลในวันดังกล่าวทันที
นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ขณะนี้คณะทำงานได้ปรับปรุงสำนวนเรียบร้อยแล้ว ตามที่ที่ประชุมป.ป.ช. สั่งให้ไปแก้ไขปรับปรุง โดยจะแจกให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ทุกคน นำสำนวนไปศึกษาเป็นการบ้านในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้ ก่อนที่จะมาลงมติชี้มูลความผิดในวันที่ 7 ก.ย.นี้ ส่วนกรณีที่พล.ต.อ.พัชรวาททำหนังสือขอให้ ป.ป.ช.เลื่อนการตัดสินคดีนี้ไปก่อนนั้น คงต้องดูเหตุผลของผบ.ตร.ก่อนว่าเป็นอย่างไร แต่ป.ป.ช.จะนำสำนวนคดีสลายม็อบพันธมิตรฯเข้าสู่ที่ประชุม ป.ป.ช. ชุดใหญ่ เพื่อลงมติชี้มูลความผิดในวันที่ 7 ก.ย.นี้ตามเดิม