ที่มา บางกอกทูเดย์
ไม่ว่า...จะเป็นคลิปตัดต่อหรือของจริงเจ้าของเสียงก็เหมือนยืนอยู่ระหว่างเหวกับเหวถึงวันนี้....เก้าอี้นายกรัฐมนตรี..ก็อยู่ได้ ตั้งอยู่บนความกรุณาปรานี..ของคนจำนวนหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นคนเดียวหรือหลายคนก็ได้จะเป็นใครบ้างนั้น..ไม่ใช่สลักสำคัญอะไร...เพียงแค่เขาเหล่านั้นออกมายืนยันว่า...ข้อความในนั้นเป็นของจริง...เพียงเขาเหล่านั้นพูดคล้องต้องกัน..เท็จก็จะเป็นจริง....เท่าๆ กับที่จริงก็จะกลายเป็นเท็จเพราะนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ ยอมรับว่า..เสียงนั้นเป็นเสียงจริง..และเนื้อหาที่กล่าวถึงนั้น..ก็ยืนยันว่าพูดอยู่กับคนหลายคน..ดังนั้น พยานบุคคลจึงมีความสำคัญที่สุด..นายกรัฐมนตรี..มิได้นำเทปของจริงในเรื่องที่พูดออกมายืนยัน...นั่นแสดงว่า...นายกรัฐมนตรีไม่รู้ว่า..มีการอัดเทป..หรือลอบอัดเทป..ในระหว่างที่กำลังพูดคุยกัน..หรือในระหว่างที่กำลังวางแผนจะแก้ไขเหตุการณ์ และก็ได้ผล....หลายการปฏิบัติตามที่คลิป...ได้เกิดขึ้นทันทีในวันรุ่งขึ้นและต่อเนื่องไปจนจบสิ้นกระบวนการ..ปัญหาอยู่ที่ว่า...บางข้อความในนั้นเป็นอาชญากรรม..
การยอมรับจึงเป็นไปไม่ได้...ทั้งในฝ่ายผู้วางแผนและผู้รับแผนไปปฏิบัติ เว้นเสียแต่ว่า...พวกเขากำลังทะเลาะเบาะแว้งกัน และบางท่านยอมเจ็บเล็บเพื่อจะตัดเนื้อของใครบางคนใครบางคนที่เปลี่ยนแปลงไปมากมายจนจะกลายเป็นอันตรายต่อกลุ่มและคณะถึงวันนี้....คลิปดังกล่าว...จะเท็จจะจริง...ไม่ใช่..อยู่ในเนื้อเทป..แต่อยู่ที่พยานยืนยัน..ถึงวันนี้...อยู่หรือไปจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี...ขึ้นอยู่กับพยานยืนยันจะปรากฏตัวออกมาหรือไม่...ถึงวันนี้...นายกรัฐมนตรีก็กลายเป็นลูกไก่ในกำมือ...ของคนๆ หนึ่งหรือคนกลุ่มหนึ่ง...หากบีบก็ตายหากคลายก็รอดไม่มีใครรู้ว่า..เขาเหล่านั้นเป็นใคร...แต่เขาเหล่านั้นอยู่กับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ...ในวันเวลาดังกล่าวและวันนี้ เขาอยู่เหนือความเป็นนายกรัฐมนตรีของ...อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะพายเรือให้โจรนั่งหรือนั่งเรือให้โจรพาย..อันตรายก็พอกันนั่งเรือที่โจรพาย..แต่อยากจะกลับใจเป็นพระดีนั้น ไม่ง่าย..อันตรายยิ่งมากกว่า ■