WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, September 2, 2009

บริวารเป็นพิษ!

ที่มา บางกอกทูเดย์

การเมืองเป็นเรื่องของ “อำนาจ” และ “ผลประโยชน์”ถือเป็นอมตะวาจาที่ยังคงใช้ได้ตลอด ไม่ว่าในยุคใดสมัยใดแม้แต่ในยุคที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมกับมีการประกาศกฎเหล็ก 9 ข้อออกมาเพื่อหวังควบคุมพฤติกรรมของนักการเมืองบางกลุ่มบางพวกแต่เอาเข้าจริงๆ สุดท้ายก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้กลายเป็นว่า กฎเหล็กนั้นมีเอาไว้เพื่อใช้เป็นแนวทางในการตีความให้กับบรรดานักการเมืองทั้งหลาย ที่พร้อมใจกันเข้ามาเป็นรัฐบาลแม้คนในสังคมและบรรดาสื่อมวลชนต่างๆ จะพากันตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องนี้น่าที่จะมีพิรุธ มีปัญหา และไม่สามารถที่จะสร้างความยอมรับให้เกิดขึ้นกับรัฐบาลได้ก็ตาม แต่สุดท้ายก็จะมีปรากฏการณ์ที่เรียกว่า“คำอธิบายในทางการเมือง”มาแก้ต่างหรือมาฟอกขาวให้ภาพลักษณ์รัฐบาลยังคงดูดีและค้ำจุนให้นายอภิสิทธิ์ซึ่งในกระบวนนักการเมืองระดับหัวหน้าพรรคการเมืองในปัจจุบันแล้ว ต้องยอมรับว่าหาคนทาบรัศมีได้ยากยิ่งได้รับการเพาะบ่มและจำลองภาพลักษณ์ของความเป็น“นายสะอาด” มาจาก นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคที่เป็นจุดขายสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ตลอดกาลในเรื่องของความสะอาดด้วยแล้วก็ยิ่งทำให้คะแนนของนายอภิสิทธิ์ลอยเด่นในสังคมได้อย่างสบายๆแต่ปัญหาของนักการเมืองทุกยุคทุกสมัยก็คือ เมื่อมีอำนาจเมื่อมีผลประโยชน์ ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องมีคนเข้าหาและบรรดาคนที่เข้าหานี่แหละที่ต้องถือว่าถ้าดีก็ดีไป แต่ถ้าร้ายหรือแสบสันต์แล้วเป็นอะไรที่ต้องบอกว่า แสบสุดๆในทางการเมืองเลยเชียวแหละคนรอบข้างหรือคนที่เข้ามานั้น ก็มีสารพัด แต่ส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เดียว คือ เข้ามาเพื่ออิงอำนาจทางการเมืองเพื่อไปแสวงหาอะไรบางอย่างที่ต้องการดังนั้น นับแต่อดีตจนปัจจุบัน นักการเมืองที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลายมีทั้งประเภทที่ต้อง “พังเพราะเมีย” ประเภท “พังเพราะวงศาคณาญาติ” หรือ “พังเพราะลูก” มีให้เห็นกันมามากมายหลายยุคหลายสมัย รวมทั้งหลายๆ ประเทศด้วยขณะเดียวกัน กรณีที่ต้อง “พังเพราะลูกน้อง” หรือ

“พังเพราะคนใกล้ชิด” ก็มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วเยอะแยะและบ่อยๆซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่เพียงแค่คนในแวดวงการเมืองเท่านั้นที่มีโอกาสพลาด พังเพราะคนรอบข้างที่ใกล้ชิด แม้แต่ข้าราชการที่อยู่ในตำแหน่งหากเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจหน้าที่หรือเกี่ยวข้องกับการประมูล การจัดซื้อจัดจ้างและที่สำคัญ เกี่ยวข้องกับการโยกย้ายแต่งตั้ง พิจารณาความดีความชอบด้วยแล้วมีคนวิ่งเข้าหาเพียบ!!!และทำให้คนใกล้ชิดรอบข้าง บ่อยครั้งที่เอาอำนาจบารมีไปใช้ในทางที่ผิดๆซึ่งสภาวะของรัฐบาลในขณะนี้ นายอภิสิทธิ์เองก็รู้ดีว่ามีคนใช้ภาพลักษณ์ในการเป็นนายสะอาดของนายอภิสิทธิ์เอามาเป็นเครื่องมือฟอกขาวสารพัดรูปแบบอย่างไรก็ตาม หากเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในพรรคประชาธิปัตย์เอง ดูเหมือนว่า กฎเหล็กของนายอภิสิทธิ์และสิทธิในการเป็นหัวหน้าพรรคของนายอภิสิทธิ์จะยังคง“เอาอยู่”ชัดๆ ก็คือ กรณี ปลากระป๋องเน่า ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งช่วงนั้นนายวิฑูร นามบุตร เป็นรัฐมนตรีรับผิดชอบดูแลอยู่เมื่อมีกรณีเกิดขึ้นและสังคมโดยเฉพาะสื่อมวลชนต่างๆจับตามอง เพ่งเล็ง และตรวจสอบอย่างหนักแม้ว่านายวิฑูรจะยืนยันว่าตนเองไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่ได้มีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยว แต่เมื่อกระแสสังคมแรงจนทานไม่ไหว สุดท้ายเนื่องจากเป็นเรื่องในพรรคประชาธิปัตย์เองนายอภิสิทธิ์ก็สามารถเจรจาให้นายวิฑูรแสดงสปิริตลาออกเพื่อพิสูจน์ตนเองส่วนในเบื้องหลังนายวิฑูรจะไปตรวจสอบและเล่นงานคนรอบข้าง ที่ทำให้ต้องพ้นเก้าอี้เพราะบริวารเป็นพิษอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องที่นายวิฑูรสมควรทำก็เล่นกันเอิกเกริกจนนายกระเด็นตกเก้าอี้แบบนี้ไม่เรียกว่าพังเพราะลูกน้องได้อย่างไรเช่นเดียวกับ กรณี โครงการชุมชนพอเพียง ซึ่งพบการทุจริตเกิดขึ้น แม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะให้ความสำคัญในการตรวจสอบ

แต่สุดท้ายเมื่อพบว่ามีบรรดาลูกกระจ๊อกที่สังกัด พรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปเกี่ยวข้องสนิทสนมเป็นพิเศษกับบริษัทเอกชนที่มีหน้าที่ในการจัดหาผลิตภัณฑ์ให้โครงการ ทำให้เกิดการหมองมัวเพราะลูกน้อง 3-4 คนก่อเหตุขึ้นมาแถมโดนเรียกร้องเรื่องจริยธรรม เรื่องความโปร่งใสของโครงการอย่างหนักสุดท้ายนายอภิสิทธิ์ก็สามารถกล่อมอยู่ โดยให้ นายกอร์ปศักดิ์สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบโครงการชุมชนพอเพียง กับ นายสมโภชฌ์ สภาวสุ น้องชายลาออกจากตำแหน่ง...เรื่องก็สงบและจบลงไปได้โดยที่ภาพลักษณ์ของรัฐบาลไม่บอบช้ำแต่ในขณะที่กรณีพรรคร่วมรัฐบาล ดูเหมือนว่ารัฐบาลจะอยู่ในภาวะยอมจำนน ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ เพราะแม้ในเบื้องหน้าต่อสังคม อาจจะเป็นเพียงแค่พรรคร่วมรัฐบาลแต่ในข้อเท็จจริงโดยพฤตินัย พรรคร่วมรัฐบาลเหล่านี้คือ ผู้มีบุญคุณที่หนุนให้รัฐบาลตั้งได้สำเร็จ และส่งให้นายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมใจปรารถนาฉะนั้น จนถึงขณะนี้นายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์บางครั้งก็ต้องอึดอัดใจกับท่าทีหรือการกระทำหลายๆ อย่างของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะ พรรคภูมิใจไทย ของนายเนวิน ชิดชอบหลายๆ โครงการของพรรคภูมิใจไทย ทำให้สังคมไม่ไว้วางใจในเรื่องของอำนาจและผลประโยชน์ อย่างที่โดนหนักที่สุดก็คือเรื่อง โครงการรถเมล์เช่าโคตรแพงระยับ4,000 คันที่แม้วันนี้ นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก็ยังยืนหยัดจะต้องผลักดันให้ “สำเร็จให้ได้”โดยที่นายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเคยคัดค้านโครงการมาตั้งแต่แรกสมัยที่ยังไม่มีการเปลี่ยนขั้วการเมืองอยู่ในสภาวะอึดอัดน้ำท่วมปากอย่างที่สุดหรืออย่างเรื่องที่ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินหน้าทำในหลายๆ เรื่อง และกลายเป็นเรื่องที่ถูกจับตามอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแจกถุงยังชีพพร้อมนามบัตร

หรือล่าสุด คือ เรื่องการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อคัดค้านการถวายฎีกา ซึ่งระงมไปด้วยเสียงสะท้อนเกี่ยวกับความไม่สมัครใจ เรื่องของการสั่งการให้ข้าราชการประจำจะต้องทำซึ่งนายบุญจงจะรู้หรือไม่รู้ หรือว่าคนรอบข้างใกล้ชิดทั้งหลาย เป็นลูกน้องประเภทที่ทำให้นายพัง เป็นคนทำหรือไม่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นไปได้ แต่แน่นอนว่าไม่ว่าอย่างไร ตรงนี้สะเทือนซางประชาธิปัตย์ไปด้วยเพราะกลุ่มเพื่อนเนวิน ยืนยันที่จะไม่เปลี่ยนตัวรัฐมนตรีที่เป็นตัวแทนของกลุ่มเสียอย่าง นายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ก็ทำอะไรไม่ได้ด้วยภาพของเกมที่ทำให้สังคมมองว่า พรรคที่เก่าแก่อายุยาวนานที่สุด กำลังถูกพรรคที่ตั้งขึ้นมาอย่างฉุกละหุกแค่ไม่กี่เดือน “ขี่คอ” ได้อย่างสบายๆงานนี้ก็เลยมีคนเข้ามาชิงจังหวะสถานการณ์ ตีสนิทใกล้ชิดบรรดาแกนนำก๊วนเพื่อนเนวินกันอุตลุดไปหมดคนนี้ก็ใกล้ชิดเนวิน คนนั้นก็ซี้ย่ำปึ้กโสภณ หรือไม่บางคนก็อ้างว่ารู้หรือไม่ว่า เป็นคนพิเศษของบุญจงข้าราชการ ประชาชน ตาสีตาสา ยายมี ยายมา สะท้านไหวไปตามๆ กันยิ่งถ้าหากไปเจอประเภทที่มีรายการแจกนามบัตรว่าเป็นคณะที่ปรึกษาของคนระดับรัฐมนตรี แถมมีการลงในหนังสือพิมพ์เขียนถึงว่าเป็นที่ปรึกษาจริงๆ ... ไม่กลัวก็ต้องกลัวไม่กล้าขัดใจ เพราะกลัวจะกลายเป็นไปขัดใจรัฐมนตรีขึ้นมา…จะซวยเสียเปล่าๆที่ปรึกษาบางคนก็เลยใช้อำนาจของนายสนุกสนานไปเลยอย่างกรณีที่มีการร้องเรียนเข้ามาที่ คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ขอให้ตรวจสอบ ที่ดินโครงการไม้ขาว ดรีม ที่ภูเก็ตว่า บุกรุกที่ดินสาธารณะหรือไม่???ซึ่งเห็นว่ามีการเกี่ยวข้องกล่าวอ้างว่าเป็นคนใกล้ชิดของรัฐมนตรี บ. ในรัฐบาลชุดนี้ด้วยและกรรมาธิการก็ได้รับเรื่องไว้แล้วว่าจะตรวจสอบงานนี้อาจจะเป็นอีกงานหรือไม่ที่จะพังเพราะลูกน้องเพราะถูกหวย “บริวารเป็นพิษ” เข้าอย่างจังห้ามกะพริบตาเด็ดขาด!!! ■