ที่มา Thai E-News
โดย คุณอัคนี คคนัมพร
ที่มา เวบไซต์ โลกวันนี้
9 ตุลาคม 2552
ตอนที่ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายสมัคร สุนทรเวช ในฐานะนายกรัฐมนตรี และนายนพดล ปัทมะ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ กรณีออกมติ ครม.สนับสนุนการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกนั้น นายกล้าณรงค์ จันทิก แถลงว่า ป.ป.ช. พิจารณาจากคำร้องของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ ส.ส. พรรคนั้น 141 คน
ความข้อนี้ ท่านผู้อ่านโปรดจำไว้ให้ดี ที่ต้องขอให้ช่วยจดจำกันไว้ก็เพราะ นายอภิสิทธิ์และคณะทำหน้าที่หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ที่ต้องพิทักษ์ผืนแผ่นดินไทย กลัวว่า การไปเซ็นแถลงการณ์ร่วมฯ จะทำให้ไทยสูญเสียดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตร รอบๆ เขาพระวิหารไปอีก หลังจากที่เราเสียพระวิหารไปเมื่อปี 2505 คำกล่าวอ้างนี้ เป็นความชอบธรรม ใครๆ ก็ฟังขึ้น
ยิ่งนายอภิสิทธิ์ ซึ่งตอนนั้นเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ได้แสดงความเห็นในที่ต่างๆ บอกว่า ที่เสียไปในปี 2505 คือตัวพระวิหาร ส่วนพื้นดินใต้พระวิหาร หรือพื้นดินที่รองรับพระวิหารนั้น ยังถือว่าเป็นของเราด้วยแล้ว ก็ยิ่งถูกใจพวกคลั่งชาติหนักเข้าไปอีก
ปัญหามีอยู่ว่า ตอนนี้นายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ไม่ใช่ผู้นำฝ่ายค้านที่จะทำหน้าที่ด้วยการพูดอย่างเดียว
ดังนั้น การที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เคยยกมาเป็นประเด็นถามในสภาว่า เมื่อนายอภิสิทธิ์เข้ามาทำหน้าที่นายกฯ และนายกษิต ภิรมย์ มาทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แล้วกัมพูชาได้สร้างถนนคอนกรีตอย่างดีขึ้นพระวิหาร ผ่านพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร และทางทหารคือกองกำลังสุรนารี ได้ทำหนังสือแจ้งกระทรวงการต่างประเทศให้ทำการประท้วงคัดค้าน เหตุใดรัฐบาลจึงมิได้กระทำ
การปล่อยปละละเลยจนกระทั่งเขาสร้างถนนเสร็จ จะมิเท่ากับเป็นการสละสิทธิในพื้นที่ทับซ้อนดอกหรือ?
ประเด็นนี้ นายอภิสิทธิ์ และนายกษิต ไม่เคยตอบให้ชัดเจนแม้แต่สักครั้งเดียว ไม่ว่าจะในสภา หรือต่อสื่อมวลชน
ด้วยเหตุนี้ ต่อมานายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หนึ่งในผู้จัดรายการ “ความจริงวันนี้” ได้ออกมาทวงถามอีกครั้งหนึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ข้อมูลจากทางทหารยืนยันว่า ได้ทำหนังสือมายังรัฐบาลถึง 9 ฉบับ แต่ไม่มีปฏิกิริยาแต่อย่างใด จนกระทั่งกัมพูชาทำถนนเสร็จจึงจะมีการกระดิกตัว
ประเด็นนี้ นายณัฐวุฒิถามว่าเป็นความจริงหรือไม่?
หากเป็นความจริง (ซึ่งตรวจสอบแล้วว่าจริง) จะมิเท่ากับว่า เราได้เสียดินแดนส่วนนี้ ไปแล้วดอกหรือ
ขอให้นายอภิสิทธิ์ตอบให้ชัดเจน เพื่อขจัดความสงสัยของคนไทยทั้งปวง
ความสงสัยของทั้ง นายจตุพรและ นายณัฐวุฒิ ไม่เคยได้รับคำตอบจากรัฐบาล ให้เกิดความกระจ่าง คงมีแต่การเล่นสำนวนว่า ไม่มีปัญหาอะไร มีบางคนที่ไม่ใช่นายอภิสิทธิ์และนายกษิต ตอบหยันๆ เสียอีกว่า ไม่เป็นไร เขาสร้างถนนเสร็จแล้ว เมื่อมีการเจรจาเราก็ได้ถนนมาฟรี
ผู้เขียนยกเรื่องนี้ขึ้นมาฉายซ้ำในวันนี้ ด้วยเจตนาเดียวกับที่นายจตุพรและนายณัฐวุฒิ ออกมาทวงถามจากรัฐบาล เพราะพฤติการณ์ที่ทั้งนายอภิสิทธิ์และนายกษิตกระทำนั้น สุ่มเสี่ยงยิ่งกว่าการกระทำของนายสมัครและนายนพดลเป็นไหนๆ
เรื่องของนายสมัครและนายนพดลนั้น ถึงบัดนี้ใครๆ ก็เห็นแล้วว่า ไม่ใช่เรื่องของการเสียดินแดน เราไม่ได้เสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว และแถลงการณ์ร่วมฯนั้น ก็ไม่ได้มีฐานะเป็นสนธิสัญญา แต่ทั้ง 2 คนก็ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ขั้นถอดถอน และดำเนินคดีอาญาตาม ม. 157 ไปแล้ว
ผลลัพธ์สุดท้ายเป็นอย่างไรยังไม่รู้
แต่การเพิกเฉยของนายอภิสิทธิ์และนายกษิต ต่อคำเตือนของฝ่ายทหารถึง 9 ครั้ง 9 หนนั้น มันหมายความว่าอย่างไร
แม้แต่นายกษิตเอง มีอยู่วันหนึ่ง ที่เดินทางไปตรวจสถานที่จริงที่เขาพระวิหาร กลับมา ก็ยังคงเงียบอยู่เช่นเดิม เพราะไม่อาจปฏิเสธได้
ทั้งนี้เพราะฝ่ายทหาร ได้เข้าไปให้การต่อกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรไว้สิ้นไส้สิ้นพุงแล้ว และข้อเท็จจริงในพื้นที่ก็ยันอยู่ทนโท่
รัฐบาลนี้ กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง แต่ใช้วิธีนิ่งเฉยแบบหน้าด้าน ตอบไม่ได้ ก็ใช้วิธีการเงียบ ผิดวิสัยของผู้บริหารประเทศ
ขอเตือนอีกครั้ง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คุณต้องตอบคำถามนี้ มิฉะนั้นข้อกล่าวหาว่า นายสมัครและนายนพดลขายชาติ จะย้อนกลับเข้าสู่ตัวคุณ