ที่มา บางกอกทูเดย์
“นักการเมืองไทย → จริยธรรมผลประโยชน์ทับซ้อน การคอร์รัปชั่น”เป็นชื่อหนังสือจากการรวบรวมข้อมูลและเขียน โดย ดร.ธีรภัทร์เสรีรังสรรค์ ซึ่งมีเนื้อหาสาระสำคัญมากมาย โดยเฉพาะเนื้อหาที่เกี่ยวกับ“ทัศนคติ” ของนักการเมืองระดับโลกซึ่งพูดถึงพรรคพวกของตนเองผู้เขียนเห็นว่า “น่าสนใจ” จึงขออนุญาตนำมาเผยแพร่เป็นวิทยาทานให้กับท่านผู้อ่านจำนวนมากที่คงยังไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้มาก่อน...อริสโตเติล นักปราชญ์โบราณได้พูดประชดประชันถึงนักการเมืองไว้หลายประโยค แต่ผู้เขียนหยิบยกมาเพียงประโยคเดียว สั้นๆ แต่ตรงเป๊ะ คือ“ความดีของมนุษย์ต้องสิ้นสุดลงเมื่อเริ่มเล่นการเมือง”ออกุสต์ กองซ์ นักปราชญ์ชาวฝรั่งเศส กล่าวว่า “คำว่าถูกต้อง ไม่มีในปทานุกรมของวิชาการเมือง การเมืองเป็นเรื่องที่ไร้ศีลธรรม และเต็มไปด้วยความก้าวร้าวรุกราน”วิลเลียม เช็คสเปียร์ กวีเลื่องชื่อชาวอังกฤษที่คนไทยรู้จักดี กล่าวว่า“นักการเมือง คือ บุคคลที่ชอบหลอกลวงคนอื่น บางครั้งกล้าหลอกลวงแม้กระทั่งพระผู้เป็นเจ้าอย่างไม่กลัวบาปกรรม”นิคโคโล แมคเคียเวลลี่ นักปราชญ์การเมืองชาวอิตาลี กล่าวถึงนักการเมืองว่า “วิชาการเมืองไม่เกี่ยวกับศีลธรรมแต่วิชาศีลธรรมเข้ามาเกี่ยวกับการเมืองโดยบังเอิญที่สุด”ยอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐฯ กล่าวว่า “นักการเมืองขี้โกง ชั่วร้ายยิ่งกว่าอ้ายมหาโจร เพราะนักการเมืองมีโอกาสโกงได้มากกว่าโจรจึงควรลงโทษนักการเมืองขี้โกงให้จงหนัก”
เบนจามิน อิสราเอลลี่ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า “ในวิถีทางการเมือง ไม่มีคำว่า เกียรติศักดิ์หรือศักดิ์ศรี ใดๆ”นายพลเดอโกลด์ แห่งฝรั่งเศสกล่าวว่า “นักการเมืองมักจะไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่ตนเองพูด และแปลกใจมากเมื่อมีคนอื่นจำนวนมากเชื่อในสิ่งที่ตนพูดนั้น”ครุสชอฟ อดีตผู้นำสหภาพโซเวียตและผู้นำคอมมิวนิสต์โลก พูดถึงนักการเมืองว่า “นักการเมืองก็เหมือนกันทั่วโลก พวกเขาได้สัญญาว่าจะสร้างสะพาน แม้แต่ในท้องที่ที่ไม่มีแม่น้ำหรือลำคลองใดๆ เลย”เจมส์ ฟรีแมน คลาร์ก กล่าวว่า“ข้อแตกต่างสำคัญระหว่างนักการเมืองทั่วไปกับรัฐบุรุษ ก็คือ นักการเมืองทั่วไปคิดหวังแต่ผลในการเลือกตั้งสมัยหน้าของตน แต่รัฐบุรุษคิดหวังเพื่อผลประโยชน์ของอนชุ นของชาตริ่นุ ต่อไป”คำพูดจากนักการเมืองที่ผู้เขียนหยิบยกมานำเสนอ มีความหมายชัดเจนโดยไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมเพราะทุกทัศนคติมาจาก “นักการเมือง” มองนักการเมืองด้วยกัน..นั่นหมายถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียงอย่างไรก็ตาม นักการเมืองที่ดีก็ใช่ว่าจะไม่มี..แม้ว่าหลายคนจะมองว่ามันหายากยิ่งกว่าการงมเข็มในมหาสมุทรก็ตามนายพลไอเซนฮาวร์ แห่งสหรัฐฯพูดว่า “อาชีพการเมืองเป็นอาชีพที่มีเกียรติ ถ้าทำความดี”โทมัส เจฟเฟอร์สัน ได้พูดถึงการเมืองอีกมุมมองหนึ่งว่า “การเมืองก็เหมือนศาสนา ให้โอกาสคนชั่วกลับใจ และพร้อมที่จะนำพวกเขาไปยืนอยู่บนแท่นของอนุสาวรีย์แห่งดวงใจของประชาชาติ”ทั้งนี้ทั้งนั้นการเมืองก็คือการเมืองไม่ได้ “บกพร่อง” ด้วยตัวของมันเองส่วนนักการเมืองที่เป็นเทพหรือซาตานมันเกิดจากการ “เลือก” ของคนคนนั้นต่างหากล่ะ...