WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, October 6, 2009

ประชามติลับลวงพราง

ที่มา ไทยรัฐ

ความเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญจากชาวบ้าน ที่ฝากผ่านไปถึง นายกรัฐมนตรี มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะความรู้สึกของชาวบ้านกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ ละครั้ง เหมือนถูกหลอก เหมือนถูกจับเป็นตัวประกันขาประจำอย่างไรอย่างนั้น

ข้อสงสัยประการแรก เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณ อย่างไม่สมเหตุสมผลหรือไม่ โดยเฉพาะการแก้รัฐธรรมนูญ ที่ จะต้องมีการทำประชามติ อย่างที่ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยืนยันมาตลอด อาจจะมีข้ออ้างว่าเป็นการให้ประชาชนตัดสินใจหรือเป็นการลงทุนในการพัฒนาประชาธิปไตย

หรือแท้จริงเป็นการหวังผลทางการเมือง

ยกตัวอย่างการทำประชามติแต่ละครั้งต้องใช้งบประมาณเป็นพันล้านบาท เมื่อเทียบความคุ้มค่าดูแล้ว หากนำงบประมาณจำนวนนี้มาสร้างอาคารเรียน เพื่อให้มีการศึกษาและเรียนรู้ ประชาธิปไตยจริงๆ สมมติอาคารเรียนหลังละ 2 ล้านบาท ก็ได้ 500 หลังแล้ว ใช้งานได้อย่างน้อยก็ 20 ปี

แต่รัฐธรรมนูญบางฉบับใช้ได้ไม่ถึงปีด้วยซ้ำ

และมีอะไรค้ำประกันได้ว่ารัฐธรรมนูญที่แก้กันแล้วกันอีก จะป้องกันการปฏิวัติรัฐประหาร หรือการทุจริตคอรัปชันได้ เชื่อว่า การทำประชามติคงใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3 เดือน หรืออาจต้องมีการยกร่างแก้ไขอาจจะต้องใช้เวลา 6 เดือน หรือ 9 เดือนขึ้นไป

อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นการซื้อเวลาของรัฐบาล

ทั้งนี้ ไม่เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่จะรู้จักและเข้าใจรัฐธรรมนูญอย่างถ่องแท้ แม้แต่ผู้ร่างรัฐธรรมนูญบางท่าน ก็ยังไม่เข้าใจรัฐธรรมนูญได้ถ่องแท้ทุกประเด็น เพราะถ้ามีการเข้าใจรัฐธรรมนูญจริงทำไมต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ หรือยังมีการกระทำที่ขัดกับรัฐธรรมนูญกันอยู่อีก

ข้อเสนอก็คือว่า เมื่อมี ส.ว. และ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้ง แล้วถือว่าเป็นตัวแทนประชาชนให้คนเหล่านี้มาทำหน้าที่ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ถือว่าผ่านความเห็นจากประชาชนได้

ที่ผ่านมาการลงประชามติใช้รัฐธรรมนูญปี 50 ก็ช่วยอะไรไม่ได้ รัฐธรรมนูญยังถูกหมกเม็ดเป็นกระบวนการลับลวงพราง และสร้างความวุ่นวายในระบอบรัฐสภาและการบริหารงานประเทศไม่รู้จบ

ดังนั้น หากมีการลงประชามติอีกก็ อาจจะมีรายการลับลวงพรางเกินขึ้นมาอีก ได้รัฐธรรมนูญที่มีปัญหาตามมาอีก สร้างความสับสนให้กับประชาชนไม่เลิก

การแก้รัฐธรรมนูญแต่ละครั้งสร้างความสับสนและบางครั้งก็กลายเป็นวิกฤติการเมือง เพราะกลไกในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่บริสุทธิ์ เป็นรัฐธรรมนูญฉบับลับลวงพรางไปเรื่อยๆ

สุดท้ายก็ต้องหาเรื่องฉีกรัฐธรรมนูญกันอีก.

หมัดเหล็ก