ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
รศ.ดร.ดวงมณี เลาวกุล อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ในนามกลุ่มจับตานโยบายรัฐบาล (Policy Watch)
ออกมาแถลงเชิงวิพากษ์ว่า รัฐบาลชุดนี้กล่าวหลายครั้งว่าจะผลักดันกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แต่ผ่านมาหลายเดือนแล้วไม่คืบหน้า ไม่มีการนำเข้าพิจารณาในคณะครม. หรือในสภา
เพราะโดยทั่วไปการจัดเก็บภาษีจะมาจาก 3 ฐาน คือ ฐานรายได้ ฐานการบริโภค และฐานทรัพย์สิน
แต่ประเทศไทยยังไม่มีการจัดเก็บภาษีจากฐานทรัพย์สิน โดยเฉพาะที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จึงก่อให้เกิดปัญหาหลายด้าน
เช่น ปัญหาการกระจายรายได้และการกระจุกตัวของการถือครองที่ดิน
รศ.ดร.ดวงมณี วิจารณ์ด้วยว่า ปัจจุบันการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของไทยคำนวณจากฐานรายได้ และมีการยกเว้นจัดเก็บภาษีโรงเรือนที่ไม่ได้ทำประโยชน์
ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดช่องโหว่ เพราะยากจะแยกแยะการใช้ประโยชน์ของสิ่งปลูกสร้างได้
และมีข้อบกพร่องคือโครงสร้างอัตราภาษีแบบถดถอย ที่ดินราคาสูงเสียภาษีน้อยกว่าที่ดินราคาต่ำและปานกลาง และใช้ราคาเมื่อ 30 ปีที่แล้วเป็นฐานคำนวณ ทำให้จัดเก็บภาษีได้ต่ำกว่ามูลค่าแท้จริงอยู่มาก
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแบบใหม่ ทรัพย์สินมูลค่าสูงต้องเสียภาษีมากกว่าทรัพย์สินมูลค่าต่ำ เกิดการกระจายภาระภาษี
และหลักเกณฑ์การประเมินมูลค่าชัดเจน ไม่ต้องใช้ดุลพินิจ จะลดการรั่วไหลลงไปได้
ความคาดหวังของคณะอาจารย์เศรษฐ ศาสตร์ในกลุ่มดังกล่าว สอดคล้องกับประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ตั้งความหวังเอาไว้กับคำประกาศของรัฐบาล
ขณะเดียวกัน ก็ไม่แน่ใจว่า ถึงจะประกาศอย่างห้าวหาญออกมาแล้ว รัฐบาลชุดปัจจุบันจะมีความกล้าหาญและความสามารถมากพอที่จะผลักดันการปรับปรุงระบบภาษีที่ทั่วถึงและเป็นธรรมนี้ได้สำเร็จหรือไม่
ยิ่งในสภาพที่รัฐบาลแสดงท่าทีเหมือนสนใจเรื่องอื่นมากกว่า หรือว่าซัดเซโอนเอนเพราะมรสุมทางการเมืองและการบริหารเรื่องอื่นๆ ความไม่แน่ใจนี้ก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
ว่าภาษีทรัพย์สินที่เป็นธรรมจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ในสังคมไทย