ที่มา บางกอกทูเดย์
คดีกล้ายาง 90 ล้านต้น มูลค่า 1,440 ล้านบาท...ถูกเพ่งมองในสายตาวงการเมือง และวงการทั่วไป นับเป็นบทบาทก้าวแรกแห่งปรัชญา“ฟ้าเปลี่ยนสี”นํ้าตาที่ตื้นตันของมานพน้อยแห่งแดนบุรีรัมย์เห็นแล้วช่างประทับใจยิ่งนักประทับใจที่ “คิดทัน” ต่อการเปลี่ยนใจโดยพลันจากห้วงวิกฤติเลียนแบบ “ทฤษฎีเสียสัตย์เพื่อชาติ” เข้าสู่วงโคจร “งูเห่าฉกชาวนาผู้มีพระคุณ” จนพฤติกรรมเดิมเปลี่ยนไปเหมือนหน้ามือ กับหลังเท้าต่อไปนี้ชีวิตข้า จะปวารณาเพื่อปกปักรักษาสถาบันเท่านั้นอะหา...ช่างเหมือนความชั่วทั้งหลายมลายสิ้นและความดีเลิศประเสริฐศรีก็ย่างกรายเปลี่ยนสายเข้าจุกล้นจิตสำนึกไม่พอ! ยังมีอภิมหาโปรเจ็กต์ รถเมล์NGV 4,000 คัน มูลค่ากว่า 60,000ล้าน ดันหล่นทับใส่หัวแม่ตีนจนบวมปลื้มสุขอย่างหาที่สุดมิได้อีกหรือนี่ทำไมพระเจ้าช่างตอบแทนด้วยผลบุญที่ได้สร้างแต่ปางก่อนอย่างรวดเร็วถึงขนาดนี้เพราะโชคข้างหน้ายังมีอีกหลายชั้นกำลังตามมาเป็นระลอก ไม่ว่าจะเป็นอำนาจเต็มในการปกครองจากมหาดไทยที่จะพลิกภาค
เหนือและภาคอีสานให้ลานตาไปด้วย“สาวกเสื้อนํ้าเงิน”แถมยังมี “เสื้อเขียว” เป็นหินแลงกำแพงเหล็กอีกชั้นคอยยันและร่วมด้วยช่วยกันไปจนถึงวาระแก้รัฐธรรมนูญในอีก 9 เดือนข้างหน้าแล้วอย่างนี้มีหรือ ที่กลุ่มเสื้อแดง และศัตรูการเมืองจากเพื่อไทยจะไม่ล่มจมธรณี จากฝีมือผู้นำเสื้อนํ้าเงิน ที่จะต้องได้บำเหน็จรางวัลซํ้าแล้วซํ้าเล่าอนิจจาประเทศไทย ประเทศที่เพียงแค่เปลี่ยนจิตวิญญาณของบางคนจากฟากหนึ่งไปคบกับอีกฝ่ายหนึ่งเท่านั้น ก็พลันทำให้ “ฟ้าเปลี่ยนสี ความดีเปลี่ยนสาย”ไปได้อย่างเหลือเชื่อมันอาจเป็นกาลสมัยที่ลํ้ายุคอย่างที่มนุษย์ทุกคนไล่ไม่ทันก็ได้ แต่ก็ต้องจดจารไว้เป็นบันทึกให้ประชาชนเรียนรู้ว่า นี่คือ “ความจริง” ที่กำลังประจักษ์ชัดขึ้นทุกวันๆ ว่าชีวิตมนุษย์นับจากนี้ต่อไป อย่าได้ยึดความซื่อสัตย์ ซื่อตรง มากไปกว่า “ความใจถึงพึ่งได้” (ช้ากว่านิยามของตำรวจรุ่นใหม่เสียอีกแน่ะ)ชีวิตของชาวบ้านทั้งหลายอย่าได้ยึดหลักความกรุณาปรานีมากไปกว่า “ไม้ล้มแล้วจงเหยียบซํ้า”.... “มองตาแล้ว จงเหน็บมีดไว้วางใจ”เนรคุณให้หนักไว้...จะได้ดีทวีคูณ ไชๆๆ โยๆๆ!