WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, October 10, 2009

มีประเทศเอามาขาย

ที่มา ไทยรัฐ

วันเสาร์สบายๆวันนี้มาคุยเรื่อง "ความร่ำรวย" ของ "มหาเศรษฐี" ในโลกนี้กันดีกว่านะครับ คนที่รวยเป็นล้านล้าน เห็นแต่ตัวเลขคนทั่วไปอาจนึกไม่ออกว่ารวยขนาดไหน นิตยสารฟอร์บ ผู้จัดอันดับ เลยเอาความมั่งคั่งของเศรษฐีโลกแต่ละคน มาเทียบกับจีดีพีของแต่ละประเทศ ใครสามารถซื้อประเทศไหนได้

แล้วตั้งชื่อว่า ประเทศที่มหาเศรษฐีสามารถซื้อได้ ก็ยังดีที่ไม่มีชื่อ ประเทศไทย อยู่ในลิสต์ด้วย

แต่ถึงแม้ "ประเทศไทย" จะไม่มีชื่ออยู่ในลิสต์ประเทศที่เศรษฐีต่างชาติสามารถซื้อได้ แต่ทรัพยากรของชาติก็ "ถูกนักการเมืองเฉือนขาย" ไปไม่รู้เท่าไรแล้ว ทั้งในรูปที่ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นโดยตรง ถือหุ้นในนาม "นอมินี" ที่รัฐบาลไม่เคยสนใจ ล่าสุดคือ การเข้ามากว้านซื้อที่ดินและไร่นา เพราะกฎหมายไทยเปิดช่องไว้อย่างเป็นใจ และรัฐบาลที่มาจากนักการเมืองก็ไม่สนใจที่จะปกป้องและป้องกัน

มาดูกันครับว่า มหาเศรษฐีโลกของฟอร์บสามารถซื้อประเทศอะไรได้บ้าง

จากการจัดอันดับล่าสุดของฟอร์บ บิล เกตส์ แห่ง ไมโครซอฟท์ ที่เกษียณตัวเองไปแล้ว กลับมาทวงคืนเป็นเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกได้อีกครั้ง มีความร่ำรวยกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท

แล้วเงิน 1.7 ล้านล้านบาท ซื้อประเทศอะไรได้บ้าง

คำตอบก็คือ เงิน 1.7 ล้านล้านบาท ที่ บิล เกตส์ มีอยู่ในวันนี้ มันมากกว่าจีดีพีของประเทศในโลกนี้ถึง 140 ประเทศ เลยทีเดียว เงินก้อนนี้ บิล เกตส์ สามารถที่จะซื้อ ประเทศคอสตาริกา ที่มีจีดีพีแค่ 48,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯได้อย่างสบายๆ จะซื้อประเทศ เอลซัลวาดอร์, โบลิเวีย หรือ อุรุกวัย ก็สบายมาก

วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลก แม้ในปีนี้ความร่ำรวยจะหายไป 340,000 ล้านบาท แต่ก็ยังเหลือเงินในกระเป๋า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ 1.36 ล้านล้านบาท สามารถซื้อ ประเทศเกาหลีเหนือ ทั้งประเทศได้อย่างสบาย เพราะเกาหลีเหนือมีจีดีพีทั้งประเทศ 4 หมื่นล้านดอลลาร์เท่ากัน

อย่าง ประเทศบาห์เรน ที่มีจีดีพี 26,800 ล้านดอลลาร์ มหาเศรษฐีอันดับ 4 ของโลกอย่าง เอลลิสัน ก็ซื้อได้อย่างสบาย เพราะมีเงินอยู่ 27,000 ล้านดอลลาร์ หรือ ไมเคิล บลูเบิร์ก ผู้ว่าการนครนิวยอร์ก ที่ร่ำรวยเป็นอันดับ 17 มีเงินอยู่ 17,500 ล้านดอลลาร์ ก็สามารถซื้อ ประเทศแซมเบีย ทั้งประเทศได้อย่างสบายเช่นกัน

ปีศาจการเงินอย่าง จอร์จ โซรอส ที่โจมตีค่าเงินบาทจนไทยล่มจมมาแล้ว หักขาดทุนจากวิกฤติการเงินสหรัฐฯวันนี้ยังเหลือเงินอยู่อีก 13,000 ล้านดอลลาร์ สามารถซื้อ ประเทศเฮติ มานอนเล่นนั่งเล่นได้อย่างสบาย แม้แต่เกาะสวาทหาดสวรรค์อย่าง บาฮามาส ที่มีจีดีพีแค่ 9,000 ล้านดอลลาร์ ขายเมื่อไรก็มีคนซื้อเมื่อนั้น

ดังนั้น การที่มีมหาเศรษฐีไทยไปซื้อเหมืองเพชรในประเทศเล็กๆ จึงไม่น่าแปลกอะไร ซื้อทั้งประเทศก็ยังไหว

แต่ไม่ว่าประเทศใหญ่หรือประเทศเล็ก ผมเชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่ทุกชาติไม่ยอมขายกันก็คือ "การขายชาติ" และ "การขายทรัพยากรที่เป็นสมบัติของชาติ" ในยุค "การล่าอาณานิคมยุคใหม่" การได้ทรัพยากรหลักของชาติไหนไปครอง ก็เหมือนได้ประเทศนั้นไปครอบครอง

ป.ล. หนังสือ "สมาธิเบื้องต้นสำหรับชาวบ้าน" ของ พระครูปลัดสุวัฒนธีรกุล ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดสระเกศ ที่ผมแนะนำไปวันก่อน ซึ่งเป็นหนังสือแนะนำ วิธีฝึกสมาธิด้วยตัวเองสำหรับผู้ที่ไม่รู้จักสมาธิ ปรากฏว่าเดือนเดียวต้องพิมพ์ถึง 3 ครั้ง กลายเป็น หนังสือขายดีอันดับ 2 หลังวางแผงสองสัปดาห์จากการจัดอันดับของ ร้านซีเอ็ด หนังสือพิมพ์ครั้งที่ 3 มีจำหน่ายแล้ว ใครอยากรู้จักจิต อยากฝึกสมาธิจิต หรือ ฝึกให้ลูกมีสมาธิ ผมยังยืนยันคำแนะนำเดิมว่า สมควรซื้อไปอ่านเป็นอย่างยิ่ง ราคาถูกแค่เล่มละ 50 บาทเท่านั้น แต่ซื้อได้ในราคา 40 บาท ที่ บูธ F 05 ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ.

"ลม เปลี่ยนทิศ"