ที่มา บางกอกทูเดย์
จีที 200 เป็นเครื่องมือตรวจหาสารวัตถุระเบิดที่ผลิตจากประเทศอังกฤษ โดยใช้หลักการของสนามแม่เหล็กเชื่อมโยงกับสารไดอาร์พาราและสสารที่ต้องการจะตรวจจับ เช่นวัตถุระเบิด ยาเสพติดเมื่อตรวจพบสารวัตถุระเบิดเสาอากาศก็จะชี้ไปยังทิศทางที่ตรวจพบกลายเป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบหาสาเหตุให้ชัดเจนอีก 1 เรื่อง...สำหรับเรื่องตรวจวัตถุระเบิด จีที 200ที่เกิด “เจ๊ง” ขณะตรวจหาระเบิดกลางเมืองสุไหงโก-ลกนราธิวาส เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านเป็นเหตุให้เกิดระเบิดคาร์บอมบ์...คร่าชีวิตประชาชนไปแล้ว 1 รายเรื่องนี้เองหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงอย่างกองทัพภาคที่ 4 โดย กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าที่ต้องรับหน้าที่เคลียร์ ปมปริศนา ว่าเหตุใดเจ้าเครื่อง จีที 200 จึงไม่ทำงานปฏิบัติงานจนพลาดเป้าได้มากมายขนาดนี้!พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจทหาร (ผบ.พตท.) กล่าวว่า...เครื่องจีที 200 ที่นำมาใช้ในพื้นที่เป็นเครื่องที่ทำงานขึ้นอยู่กับไฟฟ้าในตัวคนเพราะฉะนั้นมีโอกาสที่ว่า...บางครั้งคนที่ใช้ร่างกายจะอ่อนแอ เมื่อไฟฟ้าในร่างกายน้อยลงทำให้ประสิทธิภาพในการใช้เครื่องน้อยลง ซึ่งได้มีการสั่งการให้ทุกหน่วยจัดเจ้าหน้าที่อย่างน้อย 2 คน ประจำเครื่องในพื้นที่ภาคใต้ เครื่องจีที 200 ถือเป็นตัวช่วยอีกหนึ่งตัว
ที่สามารถให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ง่ายยิ่งขึ้น และยังสะดวกในการทำงานกับพื้นที่เสี่ยงภัยเพราะเมื่อเจ้าหน้าที่ปิดล้อมหรือตรวจค้นแหล่งต้องสงสัย จีที 200 จะสามารถบีบพื้นที่กว้างๆ ให้เหลือ “พื้นที่ต้องสงสัย” ว่า...จะมีวัตถุระเบิดในวงจำกัดได้ ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่ประหยัดเวลาและมีความปลอดภัยมากขึ้นปัจจุบันมี เครื่องจีที 200 กระจายอยู่ในพื้นที่ประมาณ48 เครื่อง และจะมีการ “จัดซื้อเพิ่มเติม” อีกตามนโยบายของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)ซึ่งเห็นว่าทุกหน่วยควรจะมีไว้ใช้งานสนนราคาของตัวเครื่องบวกกับการ์ด อยู่ที่ 1.1-1.6ล้านบาท!อย่างไรก็ตาม...แม้เครื่องจีที 200 จะมีประสิทธิภาพสูงลํ้า แต่หากเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานไม่ได้ผ่านการอบรมมาเป็นอย่างดีก็จะไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและร้ายกว่านั้นอาจทำให้เกิดความ “ผิดพลาด”จนส่งผลกระทบต่อ “ผู้บริสุทธิ์” ได้โดยเจ้าหน้าที่ของไทยที่ผ่านการฝึกอบรมกับผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอังกฤษมีเพียง “กรมสรรพาวุธทหารบก”เท่านั้นแต่ที่ผ่านมามีหลายหน่วยงานที่ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเพียงพอ แต่อยากมีเครื่องจีที 200 ไว้ใช้งานจึงก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาดังนั้นกรณีที่เกิดขึ้นล่าสุด ที่สันนิษฐานว่าอาจมาจากเครื่องที่ไม่พร้อมทำงานและการใช้งานของกำลังที่อาจจะไม่พร้อมสอดคล้องกับ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรมซึ่งมีประสบการณ์และเชี่ยวชาญการใช้เครื่อง จีที 200ให้ข้อมูลว่า...เครื่องมือชนิดนี้จัดเป็น “เครื่องชี้เป้า”ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีความแม่นยำสูงมาก
โอกาสที่ตรวจแล้วไม่เจอเป็นไปได้ 2 อย่างเท่านั้นคือ
1.ผู้ใช้มีความเหนื่อยล้า ไม่มีความพร้อมเพียงพอ กับ
2.ใส่การ์ดผิดชนิด
“เรื่องใส่การ์ดผิดชนิดคงเป็นไปได้ค่อนข้างน้อย เพราะระยะหลังมีการฝึกอบรมการใช้งานเครื่องจีที 200 อย่างชัดเจนแล้ว ฉะนั้นสาเหตุของความผิดพลาดน่าจะมาจากตัวผู้ใช้ที่อาจมีความเหนื่อยล้า เนื่องจากจีที 200 ใช้พลังสนามแม่เหล็กจากตัวคนใช้เพื่อค้นหาสนามแม่เหล็กของสสารที่ต้องการตรวจจับ ด้วยเหตุนี้คนใช้งานต้องมีร่างกายพร้อม ถ้าเหนื่อยล้า อดนอน หรือเมื่อคืนไปดื่มเหล้ามาจะใช้ไม่ได้ผลเลย” หมอพรทิพย์ กล่าวเรื่องนี้ทำให้ฝ่ายปกครองอย่าง สมเกียรติ สุวรรณนิมิตร นายอำเภอสุไหงโก-ลก ได้ออกมา ระบุว่า...ประชาชนเป็นหัวใจที่มีส่วนสำคัญในการเฝ้าระวังเหตุไม่สงบขณะที่เครื่องจีที 200 เป็นหัวใจด้านเทคนิคเครื่องมือในการตรวจตราการทำงาน ทั้งสองสิ่งนี้ต้องสอดรับกันอย่างมีระบบเพื่อให้มีประสิทธิภาพขึ้น ขอความร่วมมือทุกฝ่ายให้ความสำคัญเรื่องประสิทธิภาพของเครื่องมือด้วยขณะที่แหล่งข่าวจาก พตท.ที่ร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงความบกพร่องของเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ที่ อ.สุไหงโก-ลกเผยว่าผลสอบเบื้องต้นออกมาแล้วว่า ความผิดพลาดไม่ได้เกิดจากตัวเครื่อง“เครื่องมือไม่ได้เสียแน่นอน เพราะก่อนออกปฏิบัติการก็ยังทดลองใช้อยู่ พบว่าใช้ได้ และหลังจากเกิดเหตุระเบิดไปแล้ว ได้นำเครื่องเดียวกันมาทดลองใช้อีกครั้ง ปรากฏว่าเครื่องมือทำงาน ฉะนั้นความผิดพลาดน่าจะเกิดจากตัวผู้ใช้ แต่ก็อยากให้สังคมเข้าใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิด” แหล่งข่าว กล่าวแม้ผลตรวจสอบอย่างเป็นทางการจะออกมาเช่นใดทั้งผิดที่เครื่อง หรือผิดที่คน ล้วนแต่เป็นความผิดพลาดที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นทั้งสิ้นบทเรียนราคาแพงครั้งนี้คงจะทำให้กองทัพนำมาปรับปรุงการทำงานให้ดีต่อไป!