WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, October 20, 2009

GT200 รหัสหายนะชายแดนใต้

ที่มา Thai E-News


เหตุ"คาร์บอมบ์"ล่าสุด มีหลายคนตั้งข้อสังเกตุไปที่เครื่องมือตรวจหาวัตถุระเบิด GT200(Global Techical) ว่าทำงานไม่มีประสิทธิภาพเนื่องจากมีเจ้าหน้าที่นำเครื่องมือดังกล่าวไปตรวจสอบรถ"ฑูตมรณะ"คันนั้นแล้ว หลังได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชน แต่เครื่อง Gt200 เจ้ากรรมตัวนั้นดันไม่ชี้เป้า (ภาพและคำบรรยาย:เณรรูน)

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา เวบบล็อกหนุ่มเมืองชล
20 ตุลาคม 2552


แม่ค้าวิจารณ์ จีที200 ไร้ประสิทธิภาพ!

บรรยากาศบริเวณตลาดสดรถไฟเขตเทศบาลนครยะลา เช้าวันที่ 20 ต.ค. เงียบเหงา หลังเหตุ จยย.บอมบ์ พ่อค้า-แม่ค้า วิพากษ์วิจารณ์ เครื่อง จีที 200 ไร้ประสิทธิภาพ

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 20 ต.ค. ว่า บรรยากาศบริเวณตลาดสดรถไฟเขตเทศบาลนครยะลา ค่อนข้างเงียบเหงา มีประชาชนออกไปจับจ่ายซื้อของกันบางตาเนื่องจากยังคงมีความหวาดกลัว จากเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 19 ต.ค. ทำให้ พ่อค้าแม่ค้าขายของกันไม่ค่อยได้ พ่อค้าแม่ค้าต่างวิพากษ์วิจารณ์ทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะการใช้เครื่องจีที 200 (GT 200 ) ที่ไร้ประสิทธิภาพ(ข่าว:ไทยรัฐ)

รู้จักGT200

เครื่องตรวจหาสารเสพติดและวัตถุระเบิด มีลักษณะคล้ายกับเสาอากาศวิทยุ ตัวเครื่องจะหันปลายเสาอากาศชี้ไปยังตำแหน่งที่มีวัตถุระเบิดวางอยู่ โดยใช้พลังงานไฟฟ้าสถิต จากผู้ตรวจค้นและสามารถทำการเลือกกลุ่มของเป้าหมายที่จะทำการตรวจได้


คุณอังคณา นีละไพจิตร ซึ่งเคลื่อนไหวเรื่องสิทธิมนุษยชนเคยเขียนถึงประสิทธิภาพอันน่าสงสัยของจีที200ไว้ดังต่อไปปนี้


2-3 ปีที่ผ่านมา ผู้คนในจังหวัดชายแนนภาคใต้พูดถึงเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสอบวัตถุระเบิด จีที 200 มากขึ้น

คงจำกันได้ว่าในครั้งแรกๆ ที่มีการนำเครื่องมือชนิดนี้มาใช้งาน น่าจะเป็นเมื่อประมาณปี 2549 -2550 ใน “ยุทธการพิทักษ์แดนใต้” ซึ่งมีการนำเครื่องมือดังกล่าวมาใช้ประกอบในการปิดล้อมตรวจค้นตามหมู่บ้านต่างๆ

โดยเมื่อเครื่องตรวจเจอสารซึ่งเป็นส่วนประกอบของวัตถุระเบิด เครื่องจะชี้ปลายเสาอากาศไปยังตำแหน่งที่มีสารดังกล่าวอยู่

ในการปิดล้อมตรวจค้นช่วงเวลานั้น มีการควบคุมตัวประชาชนจำนวนมาก ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เมื่อพบว่าเครื่องมือชนิดนี้มีปฏิกิริยาต่อบุคคลรวมถึงวัตถุอุปกรณ์ต่างๆ ที่ประชาชนใช้ในชีวิตประจำวันในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

มีรายงานจากบริษัทผู้ผลิตเครื่อง จีที 200 บริษัทหนึ่งว่า เครื่องนี้จะมีปฏิกิริยาต่อ “สารยูเรีย” ซึ่งเป็นสารตั้งต้นชนิดหนึ่งที่ใช้ในการประกอบวัตถุระเบิด และเป็นสารชนิดเดียวกันกับที่เป็นส่วนประกอบของ “ปุ๋ยเคมี” ซึ่งนิยมอย่างใช้กันอย่างแพร่หลายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งเป็นสังคมเกษตรกรรม

ท่ามกลางการตั้งคำถามและคำวิพากษ์วิจารณ์ถึงความแม่นยำจากบรรดานักสิทธิมนุษยชนและราษฎรจำนวนมากในพื้นที่ โดยมีรายงานขององค์กรสิทธิมนุษยชนระบุว่า เครื่องมือชนิดนี้ได้ชี้การปนเปื้อนสารประกอบวัตถุระเบิดแม้ในคนพิการ หญิงตั้งครรภ์ หรือแม้แต่เด็ก

มีรายงานว่าในการตรวจค้นครั้งหนึ่งเครื่องชี้ไปยังกล่องกระดาษกล่องหนึ่ง ทำให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงมั่นใจว่าภายในกล่องนั้นน่าจะต้องมีวัตถุหรือสารที่เกี่ยวข้องกับระเบิด แต่เมื่อเปิดดูภายในกลับพบว่าเป็นเพียงกล่องที่บรรจุผ้าอนามัยที่นำมาขายในหมู่บ้าน

ไม่ต่างจากอีกกรณีในการปิดล้อมตรวจค้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ในบริเวณบ้านของผู้หญิงคนหนึ่ง เครื่องได้มีปฏิกิริยาที่บริเวณปลายยอดของต้นมะพร้าวต้นหนึ่ง ทำให้เจ้าหน้าที่มั่นใจว่าจะต้องมีคนนำวัตถุหรือสารประกอบวัตถุระเบิดไปซุกซ่อนเอาไว้ แต่เมื่อได้ปีนขึ้นไปดู พบถุงพลาสติกเก่าๆ ใบหนึ่ง เมื่อเปิดออกดูภายในกลับพบว่าเป็นเพียงถุงใส่น้ำมันมะพร้าวที่คาดว่าหนูคงจะคาบขึ้นไปทิ้งไว้บนยอดมะพร้าว

หรือกรณีงานบุญที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ในขณะที่ผู้คนมาช่วยกันทำอาหาร เจ้าหน้าที่ทหารชุดปฏิบัติการหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 24 ที่มาดูแลความปลอดภัยภายในวัด ได้ใช้เครื่องจีที 200 ตรวจสอบรอบๆ บริเวณโรงครัวภายในวัด เครื่องดังกล่าวได้ชี้ไปที่หม้อใส่แกงหม้อหนึ่ง ทำให้เป็นที่สงสัยของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นอย่างยิ่ง

ในขณะที่คนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความคลางแคลงใจต่อประสิทธิภาพของเครื่องมือชิ้นนี้ หน่วยงานความั่นคงกลับมีความมั่นใจในการใช้งานมากขึ้น มีการสั่งซื้อเครื่องมือดังกล่าวเพิ่มขึ้น

ในคำเบิกความเป็นพยานในคดีที่ญาติของผู้ถูกนำตัวมาควบคุมตัวภายใต้โครงการอบรมการฝึกอาชีพ 4 เดือนโดยไม่สมัครใจที่ค่ายทหารใน จ.ระนอง ชุมพร และสุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2550 ได้ยื่นคำร้องต่อศาลให้มีการไต่สวนว่าการอบรมครั้งนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

มีนายทหารระดับสูงจาก กอ.รมน.ภาค 4 ท่านหนึ่งให้การต่อศาลว่า บุคคลที่ถูกนำตัวมาควบคุมภายใต้โครงการฝึกอาชีพดังกล่าว ต้องสงสัยว่ามีความเกี่ยวข้องกับการประกอบวัตถุระเบิด เนื่องจากเครื่องตรวจจับ (จีที 200) มีปฏิกิริยาต่อพวกเขา

รวมถึงกรณีของ นายยะผา กาเซ็ง อิหม่ามประจำมัสยิดบ้านกอตอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ที่ถูกทรมานจนเสียชีวิต ภายหลังถูกเจ้าหน้าควบคุมตัวจากการปิดล้อมตรวจค้นในหมู่บ้านของเขา ก็พบเช่นกันว่าเครื่องมือชนิดนี้แสดงปฏิกิริยาต่อบริเวณบ้านและมัสยิดที่นายยะผาเป็นอิหม่ามอยู่

แม้หน่วยงานความมั่นคงจะพยายามชี้แจงว่า เครื่องมือชนิดนี้เป็นเพียงเครื่องมือเบื้องต้นที่ใช้ในการตรวจสอบ แต่ในทางปฏิบัติกลับดูเสมือนว่าเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติซึ่งใช้เครื่องมือชนิดนี้ได้พิพากษาตัดสินไปแล้วว่า ผู้ซึ่งถูกเครื่องมือนี้ชี้คือ “ผู้กระทำผิด”

คงจำกันได้ถึงความผิดพลาดจากการใช้เครื่องจีที 200 เมื่อไม่นานมานี้ กรณีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนใช้อาวุธปืนสงครามอาก้า และเอ็ม 16 กราดยิงนายโกศล เกษมสุข อายุ 48 ปี และนางผ่องศรี เกษมสุข อายุ 45 ปี ซึ่งออกจากบ้านในพื้นที่หมู่ 9 บ้านปลักใหญ่ ต.ปากล่อ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เพื่อเดินทางไปกรีดยางห่างจากบ้านประมาณ 3 กิโลเมตรจนเสียชีวิต

ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจที่เกิดเหตุ ได้ทำการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ด้วยเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด จีที 200 เครื่องตรวจสอบดังกล่าว ตรวจไม่พบวัตถุระเบิดในที่เกิดเหตุ รวมทั้งในร่างของผู้ตายทั้งสอง เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปเพื่อยกร่างของผู้ตาย แต่แล้วก็เกิดระเบิดขึ้น ทำให้ผู้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้รับบาดเจ็บ

เหตุระเบิด “คาร์บอมบ์” กลางเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อบ่ายวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา จึงทำให้เครื่องมือชนิดนี้ถูกตั้งคำถามอีกครั้งจากผู้คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงสังคมไทยทั้งประเทศ ถึงประสิทธิภาพและความแม่นยำในการทำงาน เพราะก่อนเกิดระเบิดได้มีประชาชนแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรวจสอบรถต้อง สงสัยคันที่เกิดระเบิดโดยใช้เครื่องมือชนิดนี้แล้ว แต่กลับไม่พบความผิดปกติใดๆ กระทั่งเกิดการสูญเสียดังกล่าว

และแม้หน่วยงานความมั่นคงจะยืนยันตรงกันว่า ความผิดพลาดไม่ได้เกิดจากตัวเครื่อง ซึ่งมีนัยที่สื่อถึงการใช้งบประมาณของกองทัพในการจัดซื้อเครื่องมือชนิดนี้ ว่าไม่มีความบกพร่อง หากแต่ทำให้เกิดคำถามกลับไปยังผู้เกี่ยวข้องว่า แล้วความผิดพลาดเกิดจากอะไรกันแน่ ที่สำคัญใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อความผิดพลาดดังกล่าว

โดยเฉพาะที่ผ่านมาการใช้เครื่องมือชนิดนี้ได้ก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนหลายต่อหลายครั้ง และทุกครั้งก็ไม่เคยมีคำตอบจากหน่วยงานความมั่นคงถึงความรับผิดชอบใดๆ

ในขณะที่เจ้าหน้าที่มองว่าความผิดพลาดเป็นเรื่องปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่หน่วยงานความมั่นคงน่าจะเกิดความตระหนักมากขึ้นว่า ผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้เครืองมือชนิดนี้ได้สร้างความไม่ไว้วางใจของราษฎรต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ทั้งงานตรวจค้นและงานการข่าวต่างๆ

ที่สำคัญที่สุดคือเครื่อง จีที 200 ได้ถูกนำมาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรมในการหาค้นพยานหลักฐาน ซึ่งหากปราศจากความถูกต้องแม่นยำและความน่าเชื่อถือเสียแล้ว คงเป็นการยากที่จะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมขั้นต้นที่มี เจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปเกี่ยวข้อง…

ในยุคสมัยที่การเมืองไม่สามารถนำการทหารได้จริง!

เท่าที่สรุปได้ในเบื้องต้นมีดังต่อไปนี้

1. ผลการทดสอบก่อนการสั่งซื้อไม่แน่ชัด ไม่มีการแสดงค่าร้อยละ ของ False Positive และ False Negative

2. ผู้ขายเป็นนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรด้วยทั้ง ๆ ที่มีอาชีพค้ายุทธภัณฑ์ นอกเหนือจากเป็นอาจารย์

3. ราคาค่าเครื่อง เครื่่องละเก้าแสนบาท (ไม่รวมซิมการ์ด) ถ้ารวมแล้วก็ประมาณ 1.6 ล้านบาท

4. สื่อหลักต่าง ๆ ไม่พยายามแตะต้องรายงานข่าวนี้เลย


ต้องขอขอบคุณผู้ที่ใช้นามแฝงว่า Thai Expat in US ที่นำข้อมูลต่าง ๆ ที่น่าสนใจมาเสนอ