WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, October 23, 2009

มาร์ค พูด............fanny ขอ ตอบ

ที่มา thaifreenews

อินโฟเควสท์ (22 ต.ค. 52)


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างต่อเนื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหาของชาติ
โดยเฉพาะปัญหาความ ล้มเหลวทางการเมืองที่เป็นต้นเหตุของความขัดแย้งในสังคม ทำให้เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งภาค แบ่งสีเกิดขึ้นในประเทศ
ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 10 เดือนที่เข้ามาบริหารประเทศยังไม่สามารถยุติปัญหาดังกล่าวได้


"
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงมีบทบาทแน่นอน เพราะยังคงมีความมุ่งหมายที่จะกลับเข้ามามีอำนาจ โดยมีความพยายามที่จะล้มล้างคดีต่างๆ ซึ่งได้มีการตัดสินไปแล้ว
นั่น หมายถึงว่าถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีการต่อสู้เพื่อเอาชนะคะคานให้ได้ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงระบบหรือเปลี่ยน แปลงระบอบ เพราะฉะนั้นก็จะเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสังคมไทย
ขึ้น อยู่กับประชาชนคนไทยว่าจะมองสถานการณ์ตรงนี้ทะลุหรือไม่ อย่างไร....."นายกรัฐมนตรี ระบุในตอนหนึ่งของหนังสือ "อภิสิทธิ์คนเดิม บนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี"ที่จะเปิดตัวในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติช่วงบ่าย วันนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากวันหนึ่งต้องพ้นจากตำแหน่งไป ก็อยากให้ประชาชนจดจำภารกิจที่ได้ทำในเรื่องการกอบกู้วิกฤติกับการสมานแผล หรือการทำให้การเมืองไทยกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งเชื่อว่าถ้าทำได้อย่างนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สุดยอดแล้ว
แต่ถ้าคนจะมองเห็นด้วยว่า ทำสิ่งเหล่านี้ได้บนความซื่อสัตย์ไม่ละทิ้งอุดมการณ์พื้นฐานของตัวเองก็จะยิ่งวิเศษ
ซึ่งตนเองจะพยายามทำอย่างเต็มที่ แต่ความสำเร็จในเรื่องดังกล่าวต้องดึงพลังส่วนดีของสังคมอออกมาให้ได้


ส่วน อนาคตทางการเมืองนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังมีโอกาสที่จะได้รับชัยชนะ โดยปัจจัยสำคัญอยู่ที่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการคลี่คลายความขัดแย้งในสังคม
รวมทั้งการสร้างสวัสดิการให้กับประชาชน ซึ่งตลอดการบริหารประเทศที่ผ่านมานโยบายของรัฐบาลหลายเรื่องประชาชนสามารถ จับต้องได้และได้รับประโยชน์โดยตรง
และการเลือกตั้งครั้งหน้าจะยังทำ หน้าที่นำพรรคประชาธิปัตย์เข้าต่อสู้ในสนามเลือกตั้งต่อไป แต่ไม่คิดว่าจะดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคยาวนานเหมือนนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค
เพราะคิดว่าขณะนี้เริ่มนับถอยหลังชีวิตการเมืองแล้ว


"
ผมใช้คำว่าเราเผาผลาญทรัพยากรทางการเมืองเร็วขึ้นกว่าเดิม อายุการใช้งานนักการเมืองสั้นลง นักการเมืองหมดอายุเร็วขึ้น
อีกอย่างหนึ่งผมมองตัวผมเองไม่ออกว่าอีกสิบกว่าปีข้างหน้าผมจะอยู่ในการเมืองได้อย่างไร ....
ผม มองไม่ออก มันไม่เหมือนกับของท่านนายกฯชวน ท่านมีเวลาสะสม สะสมเครดิตอยู่นานมากนะ เป็นยี่สิบกว่าปีใช่ไหมครับ และวันนี้ท่านก็ดำรงอยู่ในฐานะผู้ที่อาวุโสสูงสุดในสภาด้วยซ้ำ
แต่ว่า สำหรับผมมันไม่ใช่(นิ่งคิดนิดหนึ่ง) การก้าวขึ้นมามันก็ไม่ได้มีเวลาสะสมอยย่างนั้น และวันที่พ้นไปก็ไม่ใช่คนที่อาวุโส" นายอภิสิทธิ์ กล่าว



สำหรับ แนวคิดในการบริหารประเทศ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องพยายามผลักดันการแก้ปัญหาความล้มเหลวทางการเมืองต่อไป โดยนำระบบรัฐสภาเข้ามาแก้ปัญหา
ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นจุดเริ่ม ต้นในการลดเงื่อนไขความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้น และการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องได้รับฉันทามติจากประชาชนด้วยการทำประชามติ

"
นักการเมืองเป็นคนหมู่น้อยที่มีอำนาจ แต่ไม่ได้หมายความว่า การมีอำนาจแล้วจะทำอะไรได้ทุกอย่าง ผมไม่คิดอย่างนั้น เพราะเห็นจากสถานการณ์ที่ผ่านมาแล้วว่า ถ้านักการเมืองมีอำนาจจริงก็คงแก้รัฐธรรมนูญสำเร็จไปตั้งแต่ปีที่แล้ว
แต่ นี่ไม่ใช่ ผมคิดว่าจากนี้ไปเป็นจุดที่ท้าทายเรามากทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ ถ้าเราพ้นตรงนี้ไปได้แล้วทำให้เราเข้มแข็งขึ้น มันเป็นโอกาสใหม่สำหรับเศรษฐกิจ
ถ้าเราถือโอกาสปรับในเรื่องพื้นฐานด้วย เช่น ภาคเกษตร ระบบสวัสดิการ ความไม่เป็นธรรมด้วย มันก็น่าจะแข็งแรงขึ้น
ส่วน การเมืองถ้าเราผ่านจุดนี้ไปได้ ผมว่าเราก็เหมือนกับขึ้นชั้นในแง่ของความมีวุฒิภาวะในเรื่องของระบอบ ประชาธิปไตยมากขึ้น ตรงกันข้ามถ้าเราผ่านไม่ได้ เราก็มีความเสี่ยงสูงมากที่จะติดกับดักวงจรเดิมนานแสนนานเลยกับความรุนแรง และความไร้เสถียรภาพ" นายอภิสิทธิ์ กล่าว


ส่วนการทำงานกับพรรค ร่วมรัฐบาลนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แม้ที่ผ่านมาจะมีความไม่เข้าใจกันบ้างแต่ก็พูดคุยด้วยเหตุและผล โดยยึดประโยชน์ของชาติเป็นหลัก และจะไม่ยอมให้มีการต่อรองในเรื่องผลประโยชน์
เพราะจะไม่ประนีประนอมกับการทุจริต เพียงเพื่อให้รัฐบาลอยู่รอด ซึ่งเป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลเข้าใจดี

"
ใครที่คิดว่าการต่อรองเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์หรือโครงการ คิดว่าผมจะให้ความสำคัญเพียงแต่การอยู่รอดของรัฐบาล ก็คงจะได้รับทราบจุดยืนแนวคิดของผมอย่างชัดเจนว่า ผมไม่ได้สนใจในเรื่องความอยู่รอดของรัฐบาล
แต่สนใจในเรื่องของการที่จะ ทำให้ระดับหรือมาตรฐานทางการเมืองไทยเป็นไปอย่างโปร่งใสที่จะเป็นที่พึ่งที่ หวังของประชาชนได้ เพราะฉะนั้นก็ไม่มีประเด็นอะไรที่ต้องมาต่อรอง
สิ่งที่ประนีประนอมไม่ได้คือเรื่องของการทุจริตคอรัปชั่นหรือการที่จะไม่ทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับส่วนรวม

ถ้าถึงที่สุดแล้วในทางการเมืองไม่สามารถเดินต่อไปได้ ผมก็คิดว่าน่าจะยุบสภา
ด้วย เหตุผลที่ว่าสภาชุดนี้ได้ตั้งรัฐบาลมาแล้ว ชุดนี้เป็นชุดที่สาม และดีที่สุดคือต้องกลับไปให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน"นายอภิสิทธิ์ ตอบคำถามหัวข้อ "จุดเปลี่ยนประเทศไทย จุดยืนอภิสิทธิ์"ซึ่งเป็นภาคผนวกของหนังสือเล่มนี้

--------------------------------------------------------

อินโฟเควสท์ (22 ต.ค. 52)


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างต่อเนื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหาของชาติ
โดย เฉพาะปัญหาความล้มเหลวทางการเมืองที่เป็นต้นเหตุของความขัดแย้งในสังคม ทำให้เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งภาค แบ่งสีเกิดขึ้นในประเทศ
ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 10 เดือนที่เข้ามาบริหารประเทศยังไม่สามารถยุติปัญหาดังกล่าวได้



แล้่วมันเพิ่งจะมาแบ่งฝัก แบ่งฝ่าย แบ่งสี แบ่งข้าง ตอนนี้เหรอ.....
หรือว่ามาร์คเพิ่งมามองเห็นได้ว่า สังคมไทย แตกแยกและแบ่งฝักเป็นฝ่าย เป็นสี..ก็เมื่อตอนนี้ ตอนที่มาร์คเป็น นายกรัฐมนตรี..
ตอน ที่มาร์ค เป็นฝ่านค้าน ..ตอนที่ท่านนายกฯทักษิณ เป็นนายก....ตอนที่ท่านนายกฯ สมัคร เป็นนายก...ตอนที่ท่านนายกฯ สมชาย เป็นนายก มาร์ค มองไม่เห็นเหรอ...

ตอนที่ พันธมิตร ใส่เสื้อเหลือง แล้วยึดทำเนียบรัฐบาล..ในสมัยท่านนายกฯสมัคร กว่า3-4 เดือน..มาร์คมองไม่เห็นหรือ..

หรือ ว่า หากการอันใด ที่แม้จะเป็นสิ่งที่ผิดหลัก ผิดกฏหมาย แต่หาก "เอื้อประโยชน์" ให้มาร์คแล้ว...มาร์คก็จะตาบอดชั่วขณะ ไม่รู้ ไม่เห็น...



===========================


"
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงมีบทบาทแน่นอน เพราะยังคงมีความมุ่งหมายที่จะกลับเข้ามามีอำนาจ โดยมีความพยายามที่จะล้มล้างคดีต่างๆ ซึ่งได้มีการตัดสินไปแล้ว
นั่น หมายถึงว่าถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีการต่อสู้เพื่อเอาชนะคะคานให้ได้ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงระบบหรือเปลี่ยน แปลงระบอบ เพราะฉะนั้นก็จะเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสังคมไทย
ขึ้น อยู่กับประชาชนคนไทยว่าจะมองสถานการณ์ตรงนี้ทะลุหรือไม่ อย่างไร....."นายกรัฐมนตรี ระบุในตอนหนึ่งของหนังสือ "อภิสิทธิ์คนเดิม บนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี"ที่จะเปิดตัวในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติช่วงบ่าย วันนี้


ประชาชนอ่ะ มองทะลุปรุโปร่งไปถึงไหน ๆ กันทั้งนั้นอ่ะมาร์ค....

ประชาชนไม่ได้หลงติดอยู่กับ การประดิษฐคำพูดสวยๆหรูๆ แบบเมื่อสมัยก่อน.....ตอนนี้ประชาชนเค้า "เอาหลักฐานการกระทำ" เป็นสำคัญ

ดังนั้น

1)
การพูดอย่าง...แล้วทำอีกอย่าง....
2)
การพูดเอาดีเข้าตัว เอาชั่วใส่ผู้อื่น...


2
วิธีการหลัก ที่พรรคประชาธิปัตย์ ใช้ได้ผลมาตลอด..จึงขายไม่ออกในสังคมยุคนี้

===========================



นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากวันหนึ่งต้องพ้นจากตำแหน่งไปก็อยากให้ประชาชนจดจำภารกิจที่ได้ทำในเรื่องการกอบกู้วิกฤติกับการสมานแผล หรือการทำให้การเมืองไทยกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ซึ่งเชื่อว่าถ้าทำได้อย่างนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สุดยอดแล้ว


"
กอบกู้วิกฤติ ..การสมานแผล" ????....

แบบที่ทำ เมื่อ 13 เมษา สงกรานต์เลือด เนี่ยนะ......ที่ถือว่าเป็นเรื่องความสำเร็จของภารกิจที่อยากให้ประชาชนจดจำ..

อืมม์....แต่ก็จริงนะ....ประชาชนต้องจดจำแน่นอน...แต่จะจำในมุมองเดียวกับที่ อภิสิทธิ์คิดหรือเปล่า...
อภิสิทธิ์ ก็ต้องรอดูผล จากเวลาที่ไม่ได้เป็นนายกฯ แล้วไปเดินตามท้องถนนในตลาด ดูเอาเองและกัน....


-------------------------


แต่ถ้าคนจะมองเห็นด้วยว่า ทำสิ่งเหล่านี้ได้บนความซื่อสัตย์ไม่ละทิ้งอุดมการณ์พื้นฐานของตัวเองก็จะยิ่งวิเศษ
ซึ่งตนเองจะพยายามทำอย่างเต็มที่ แต่ความสำเร็จในเรื่องดังกล่าวต้องดึงพลังส่วนดีของสังคมอออกมาให้ได้



fanny
เชื่อว่า อภิสิทธิ์ เคยมีอุดมการณ์นะ....


แต่ "อุดมการณ์ " ของ อภิสิทธิ์ มันได้ถูกโยนทิ้งไปตั้งแต่วันที่ อภิสิทธิ์ "บอยคอต" การเลือกตั้งเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง และ พรรคประชาธิปัตย์ แล้ว

(
แม้ว่า การบอยคอต เป็นวิธีทางประชาธิปไตย ก็จริง...แต่หากไม่ได้นำมาใช้เพื่อผลประโยชน์ของคนส่วนรวม แต่ทำเพื่อตนเอง และพรรคพวก มันก็คือการละทิ้งอุดมการณ์)


นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา นะคุณอภิสิทธิ์.. ที่ เหมือนคุณได้เดินก้าวลงจากถนนประชาธิปไตย และ ก้าวไปเดินบนถนนเผด็จการแบบเต็มตัว...
โดยการให้การสนับสนุน พันธมิตร ในการทำลายประชาธิปไตย ตลอดมา..


===============================



ส่วน อนาคตทางการเมืองนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังมีโอกาสที่จะได้รับชัยชนะ โดยปัจจัยสำคัญอยู่ที่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการคลี่คลายความขัดแย้งในสังคม
รวมทั้งการสร้างสวัสดิการให้กับประชาชน ซึ่งตลอดการบริหารประเทศที่ผ่านมานโยบายของรัฐบาลหลายเรื่องประชาชนสามารถจับต้องได้และได้รับประโยชน์โดยตรง


ประชาชน ที่ไหนเหรอมาร์ค...ที่ได้รับประโยชน์ ?....

....
ประชาชนที่ได้รับ ปลากระป๋องเน่า....??
....
นักเรียนที่โดนหลอกว่า ได้รับหนังสือเรียนฟรี...แต่หากชำรุดบุบสลายมีรอยขีดข่วน ต้องจ่ายเงิน....??
....
ประชาชนใน โครงการชุมชนพอเพียง ที่โดนบังคับให้ ซื้ออะไรก็ไม่รู้ที่พวกเค้าไม่อยากได้...แต่บริษัทที่ร่วมโครงการยัดเยียด และ ข้าราชการบังคับให้ซื้อ..??
....
ประชาชน ที่ ต้องรับภาระจ่ายหนี้ หัวโต จากการกู้ของ มาร์ค กว่า 8แสนล้าน..โดยไม่มี project ที่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ จริง..
นอกจาก สารพัดโครงการ ที่ "ซื้อถูกกว่าทำไม ซื้อแพงกว่าความจริง ..สิดี" ??



....
หรือ....ประชาชนที่ถูกเข้าล้อมปราบ เมื่อสงกรานต์เลือด..??
....
หรือ ประชาชน คนเสื้อแดง ที่ถูกจับมือไขว้หลัง ซ้อมจนตาย แล้วโยนศพทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยา ??
....
หรือ ประชาชน อย่าง พลทหาร อภินพ ??


ประชาชนเหล่านี้หรือ...ที่ มาร์คบอกว่า

"
ตลอดการบริหารประเทศที่ผ่านมานโยบายของรัฐบาลหลายเรื่องประชาชนสามารถจับต้องได้และได้รับประโยชน์โดยตรง "


==============================


และ การเลือกตั้งครั้งหน้าจะยังทำหน้าที่นำพรรคประชาธิปัตย์เข้าต่อสู้ในสนาม เลือกตั้งต่อไป แต่ไม่คิดว่าจะดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคยาวนานเหมือนนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค
เพราะคิดว่าขณะนี้เริ่มนับถอยหลังชีวิตการเมืองแล้ว


นี่แหล่ะ....คือ คุณานุประโยชน์อันมหาศาล ที่มาร์ค จะทำเพื่อชาติได้..


============================


"
ผมใช้คำว่าเราเผาผลาญทรัพยากรทางการเมืองเร็วขึ้นกว่าเดิม อายุการใช้งานนักการเมืองสั้นลง นักการเมืองหมดอายุเร็วขึ้น
อีกอย่างหนึ่งผมมองตัวผมเองไม่ออกว่าอีกสิบกว่าปีข้างหน้าผมจะอยู่ในการเมืองได้อย่างไร ....
ผม มองไม่ออก มันไม่เหมือนกับของท่านนายกฯชวน ท่านมีเวลาสะสม สะสมเครดิตอยู่นานมากนะ เป็นยี่สิบกว่าปีใช่ไหมครับ และวันนี้ท่านก็ดำรงอยู่ในฐานะผู้ที่อาวุโสสูงสุดในสภาด้วยซ้ำ
แต่ว่า สำหรับผมมันไม่ใช่(นิ่งคิดนิดหนึ่ง) การก้าวขึ้นมามันก็ไม่ได้มีเวลาสะสมอยย่างนั้น และวันที่พ้นไปก็ไม่ใช่คนที่อาวุโส" นายอภิสิทธิ์ กล่าว


ที่มาร์ค พูดมาในประเด็นนี้....ตอบได้ด้วยวลี...."มะม่วง จำบ่ม" ไงมาร์ค

วลี ที่ผู้เฒ่า ผู้แก่ อย่าง ท่านนายกฯ สมัคร สุนทรเวช.. ได้ใช้เตือนมาร์คก่อนที่ มาร์คจะกลายร่าง จาก"นักประชาธิปไตย" เป็น "สมุนเผด็จการ"


การที่ "อยากเป็น"... โดยไม่รอจังหวะที่เหมาะสม...ฉกฉวยเอาในยามที่ตนเอง และ สภาวะแวดล้อมไม่พร้อม...
ก็เป็น เช่นนี้ไง...

----------

หากวันนั้น...มาร์คไม่บอยคอต...
หากมาร์คยืด หลักประชาธิปไตย...ลงเลือกตั้งตามระบอบ...ไม่ทำตามพันธมิตร ให้ล้มรัฐบาล...(เพื่อหวังเป็นนายกฯ)..
หากมาร์คออกมาเป็น ผู้นำประชาชนในคัดค้านการรัฐประหาร คมช...ช่วยท่านนายกฯทักษิณ ผู้ซึ่งมาตามระบอบประชาธิปไตย


มันอาจดูเหมือนคนโง่...ที่ทำเช่นนั้น ในการที่ไปช่วยคู่แข่งทางการเมือง...
แต่ไม่ใช่เช่นนั้นเลย..การที่มาร์คช่วยนายท่านนายกฯทักษิณ จากอุ้งมือ คมช..จะเป็นวิธีที่ทำให้มาร์ค "ชนะ" ท่านทักษิณ
เสียแต่ "กุนซือ" ของมาร์ค ไม่ฉลาดพอ...และมองการณ์ไม่ไกล...


หากวันนั้น มาร์คเลือกที่จะมองการณ์ไกล.....

วันนี้...มาร์ค จะมีความสง่างาม ไม่เป็นที่เกลียดชัง ของประชาชนเช่นนี้...
วันนี้...จะเป็น ที่พี่ง เป็นหลัก ของประชาธิปไตย.. (แทนที่ ท่านนายกฯทักษิณ ด้วยซ้ำ )


มา ร์ค จะได้เป็น นายกรัฐมนตรี อย่างแน่นอน....และจะได้เป็น "นายกรัฐมนตรีที่สง่างาม" ที่อยู่ในตำแหน่งยาวนาน กว่า เพียง 1 ปี อย่างที่เป็นอยู่นี้..


ดังนั้น คำตอบสำหรับประเด็นนี้....ก็เพราะตัวมาร์ค เลือกที่ จะกินมะม่วง ที่ ยังจำบ่ม...ยังไม่พร้อม...รสชาติจึง เปรี้ยวเข็ดฟัน
หากมาร์ค เลือกที่ "รอ" และใช้ความถูกต้อง ในการทำงานประชาธิปไตย (แทนการ เล่นบทตัวอิจฉารังแกคู่แข่ง..)
มาร์ค ก็จะได้ลิ้มรสของ มะม่วงอร่อย...ที่มีรสชาติหวานอร่อยไปได้นานๆ...

คำตอบคือ.....คุณทำลาย ตัวคุณเอง..หาได้มีใครทำลายคุณไม่....




=====================================


สำหรับแนวคิดในการบริหารประเทศ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องพยายามผลักดันการแก้ปัญหาความล้มเหลวทางการเมืองต่อไป โดยนำระบบรัฐสภาเข้ามาแก้ปัญหา

แล้วตอนพันธมิตร เข้ายึดถนน ยึดทำเนียบ ยึดสนามบิน....ตอนนั้นเรียก ระบบอะไร ????

----------


ซึ่ง การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นจุดเริ่มต้นในการลดเงื่อนไขความขัดแย้งทางการเมือง ที่เกิดขึ้น และการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องได้รับฉันทามติจากประชาชนด้วยการทำประชามติ

ตอนทหารเผด็จการ ฉีกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ทำไมยอมรับหน้าชื่นตาบาน....พอประชาชนจะแก้รัฐธรรมนูญ ต้อง "ทำประชามติ"

-----------


"
นักการเมืองเป็นคนหมู่น้อยที่มีอำนาจ แต่ไม่ได้หมายความว่า การมีอำนาจแล้วจะทำอะไรได้ทุกอย่าง ผมไม่คิดอย่างนั้น

งั้นทำไม ในฐานะนายกรัฐมนตรี คุณถึง ทำอะไรเกินขอบเขตของ ฐานะหน้าที่..
เช่น การประกาศ พรบ.ความมั่นคง หากประกาศใช้แล้ว ต้องรายงานต่อรัฐสภา...

จน ถึงวันนี้ ประกาศใช้ (แบบไม่ขออนุมัติจากรัฐสภา) มากี่ครั้ง...เคยได้ทำรายงานต่อรัฐสภาเป็น ลายลักษณ์อักษร ตามกฎหมายไม๊...ว่า ได้ทำอะไรไปบ้าง...
รัฐบาลไม่ยอมทำตามกฎ ...
ทำไมไม่ทำ...เพราะอะไร...หรือมันมีบ้างเรื่องที่เปิดเผยไม่ได้

=====================================



เพราะเห็นจากสถานการณ์ที่ผ่านมาแล้วว่า ถ้านักการเมืองมีอำนาจจริงก็คงแก้รัฐธรรมนูญสำเร็จไปตั้งแต่ปีที่แล้ว
แต่ นี่ไม่ใช่ ผมคิดว่าจากนี้ไปเป็นจุดที่ท้าทายเรามากทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ ถ้าเราพ้นตรงนี้ไปได้แล้วทำให้เราเข้มแข็งขึ้น มันเป็นโอกาสใหม่สำหรับเศรษฐกิจ
ถ้าเราถือโอกาสปรับในเรื่องพื้นฐานด้วย เช่น ภาคเกษตร ระบบสวัสดิการ ความไม่เป็นธรรมด้วย มันก็น่าจะแข็งแรงขึ้น
ส่วน การเมืองถ้าเราผ่านจุดนี้ไปได้ ผมว่าเราก็เหมือนกับขึ้นชั้นในแง่ของความมีวุฒิภาวะในเรื่องของระบอบ ประชาธิปไตยมากขึ้น ตรงกันข้ามถ้าเราผ่านไม่ได้
เราก็มีความเสี่ยงสูงมากที่จะติดกับดักวงจรเดิมนานแสนนานเลยกับความรุนแรงและความไร้เสถียรภาพ" นายอภิสิทธิ์ กล่าว


ตอนที่ "วงจรอุบาทว์ " มันเป็นประโยชน์ มันเอื้อประโยชน์ ต่อ อภิสิทธิ์....ไม่เห็นนายอภิสิทธิ์พูดอะไรนี่...กลับสนับสนุนซะอีก



=================================

ส่วน การทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาลนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แม้ที่ผ่านมาจะมีความไม่เข้าใจกันบ้างแต่ก็พูดคุยด้วยเหตุและผล โดยยึดประโยชน์ของชาติเป็นหลัก
และจะไม่ยอมให้มีการต่อรองในเรื่องผลประโยชน์
เพราะจะไม่ประนีประนอมกับการทุจริต เพียงเพื่อให้รัฐบาลอยู่รอด ซึ่งเป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลเข้าใจดี


เข้าใจดีจ้ะ.....เข้าใจจน "อิ่ม" ไปหลายโครงการแล้วจ้ะ..

----------------

"
ใครที่คิดว่าการต่อรองเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์หรือโครงการ คิดว่าผมจะให้ความสำคัญเพียงแต่การอยู่รอดของรัฐบาล ก็คงจะได้รับทราบจุดยืนแนวคิดของผมอย่างชัดเจนว่า ผมไม่ได้สนใจในเรื่องความอยู่รอดของรัฐบาล
แต่สนใจในเรื่องของการที่จะ ทำให้ระดับหรือมาตรฐานทางการเมืองไทยเป็นไปอย่างโปร่งใสที่จะเป็นที่พึ่งที่ หวังของประชาชนได้ เพราะฉะนั้นก็ไม่มีประเด็นอะไรที่ต้องมาต่อรอง
สิ่งที่ประนีประนอมไม่ได้คือเรื่องของการทุจริตคอรัปชั่นหรือการที่จะไม่ทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับส่วนรวม


มาร์ค นี่...เป็น เสาหลัก เป็น ปรมาจารย์ของ วิชา "พูดอย่าง ทำอย่าง" เลยนะ...
ไม่มีใครสามารถ ทำอย่างหนี่ง...แล้ว พูดอีกอย่างหนึ่ง....ได้เนียนทั้งใบหน้า และ น้ำเสียง ได้เท่ามาร์ค อีกแล้ว..

---------------

ถ้าถึงที่สุดแล้วในทางการเมืองไม่สามารถเดินต่อไปได้ ผมก็คิดว่าน่าจะยุบสภา
ด้วยเหตุผลที่ว่าสภาชุดนี้ได้ตั้งรัฐบาลมาแล้ว ชุดนี้เป็นชุดที่สาม และดีที่สุดคือต้องกลับไปให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน" นายอภิสิทธิ์ ตอบคำถามหัวข้อ "จุดเปลี่ยนประเทศไทย จุดยืนอภิสิทธิ์"ซึ่งเป็นภาคผนวกของหนังสือเล่มนี้


ไม่มีทางอื่นเดินแล้วไง....แถ จนหมดทาง...ไม่มีใครเค้าเอาด้วย
ทหาร ก็ไม่เอาด้วย...พรรคร่วมก็ไม่เอา (เพราะไปหลอกให้เค้ามาร่วมรัฐบาล แล้วบอกว่าจะแก้รัฐธรรมนูญ)....

หมดทางไปแล้วไง ถึงยอมจะ "ยุบสภา"
ลองพรรคร่วม และ ทหารยังหนุน....มาร์ค ไม่พูดแบบนี้หรอก...ถ้าพูด fanny ท้า ให้เอาเท้าถีบหน้า "สาทิตย์"...ได้เลย

---------------------------------------------------------------

อ้างอิง

[url] http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=847092 [/url]