WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, October 22, 2009

ผ่างบดับไฟใต้ ‘ก้อนใหม่’ เหตุใด? ทหารขอเอี่ยว (1)

ที่มา บางกอกทูเดย์

ยกแรกรัฐบาลชนะไปแล้ว คือ สามารถทำให้ฝ่ายการเมืองและข้าราชการพลเรือนเข้าไปยึดกุมทิศทางการพัฒนา และจัดการงบประมาณชายแดนใต้ได้เกือบเบ็ดเสร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงบประมาณ6.3 หมื่นล้านบาท

วันนี้ใครยังพูดถึงงบดับไฟใต้ 5 ปี 1 แสนล้านบาท...ต้องบอกว่า “เชยระเบิด”เพราะรัฐบาลประชาธิปัตย์รุดหน้าไปไกลแล้วกับงบก้อนใหม่มุ่งใช้ในงานพัฒนา ตัวเลขกลมๆ6.3 หมื่นล้านบาท ระหว่างปีงบประมาณ 2552-2555และไม่ใช่แค่รุดหน้าธรรมดา...แต่คนระดับรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง “สุเทพ เทือกสุบรรณ”เอาจริงเอาจังถึงขนาดลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้สัปดาห์ละหลายวันแถมควง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ไปนั่งฟังชาวบ้านทำ“ประชาคม” เสนอโครงการพัฒนาในตำบลหมู่บ้านของตัวเองด้วยแต่แม้จะขะมักเขม้นกันขนาดนี้...และรองนายกรัฐมนตรีก็ให้สัมภาษณ์ไม่เว้นแต่ละวันแต่งบพัฒนาชายแดนใต้ก้อนใหญ่ก็ยังถูกมองอย่างไม่เข้าใจว่าจะแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่?หนำซํ้ายังมีคำถามเดิมๆ กลับมาหลอกหลอนว่างบไปอยู่ในมือทหารทั้งหมดหรือเปล่าท่ามกลางร่องรอยปริร้าวระหว่าง “บางปีก” ในรัฐบาลกับ “กองทัพ” ที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันในทิศทางดับไฟใต้ในทางสัญลักษณ์ต้องเรียกว่า...เป็นการ “ปลดแอก” จากกองทัพ หลังจากช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภารกิจดับไฟใต้ในแทบทุกมิติอยู่ในความรับผิดชอบของ “ทหาร” นำโดยกองทัพบกว่ากันว่า...ยกแรก รัฐบาลชนะ ไปแล้ว คือ สามารถทำให้ฝ่ายการเมืองและข้าราชการพลเรือนเข้าไปยึดกุมทิศทางการพัฒนา และจัดการงบประมาณชายแดนใต้ได้เกือบเบ็ดเสร็จโดยเฉพาะอย่างยิ่งงบประมาณ 6.3 หมื่นล้านบาท!งบ 6.3 หมื่นล้านที่พูดๆกันอยู่ในขณะนี้...เป็นงบตาม “แผนการพัฒนาพื้นที่พิเิศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี 2552-2555” วงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น 63,319 ล้านบาทแผนพัฒนาฯ ฉบับนี้...ถูกกำหนดกรอบนโยบายมาจาก คณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (รชต.) ซึ่งมี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเมื่อคลอดแผนออกมาแล้ว...ก็ได้ตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนการพัฒนาพื้นที่พิเศษ5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (อชต.) ขึ้น

โดยมี สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อแปรแผนงานไปสู่การปฏิบัติที่มาของงบประมาณ 6.3 หมื่นล้านบาท...บางส่วนเป็นงบเงินกู้จาก “แผนปัฏบัติการไทยเข้มแข็ง”และบางส่วนเป็นงบปกติตามแผนงานของกระทรวง ทบวง กรมแผนการพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ประกอบด้วย...โครงการที่มุ่งแก้ปัญหาและฟื้นฟูพัฒนาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และสี่อำเภอของ จ.สงขลา รวม 53 แผนงาน 463 โครงการ กับอีก 15 มาตรการขับเคลื่อนภายใต้แผนงานหลัก 6 แผน คือ1.แผนการยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตประชาชนในระดับหมู่บ้าน ประกอบด้วย 8 แผนงานย่อย 55 โครงการ ใช้งบประมาณรวม 4 ปี (2552-2555) 27,914 ล้านบาท2.แผนการอำนวยความเป็นธรรมและความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ประกอบด้วย 16 แผนงานย่อย 203 โครงการงบประมาณรวม 15,509 ล้านบาท3.แผนการพัฒนาคุณภาพคน พหุวัฒนธรรม และมาตรฐานบริการสังคม ประกอบด้วย 8 แผนงานย่อย 89 โครงการ งบประมาณรวม 10,186 ล้านบาท4.แผนพื้นฟูเศรษฐกิจและการลงทุน ประกอบด้วย 10 แผนงานย่อย 30 โครงการ งบประมาณรวม 6,637 ล้านบาท5.แผนการพัฒนาความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบด้วย 8 แผนงานย่อย 83 โครงการ งบประมาณรวม 1,130 ล้านบาท6.แผนการปรับปรุงกฎระเบียบ และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ประกอบด้วย 3 แผนงานย่อย 3 โครงการ งบประมาณรวม1,940 ล้านบาทจะเห็นได้ว่า 69% ของงบ 63,000 ล้าน อยู่ในแผนที่ 1 กับ 2 ซึ่งเป็นแผนงานที่เกี่ยวโยงกับงานความมั่นคง และกำกับดูแลโดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน.แหล่งข่าวจาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า...ซึ่งรับผิดชอบงานด้านการพัฒนาและงานมวลชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เผยว่า...ตัวเลขรายได้ครัวเรือน 64,000 บาทต่อปีนั้น เป็นรายได้เฉลี่ยแต่จากการสำรวจจริงๆ พบว่ามีครัวเรือนจำนวนไม่น้อยที่มีรายได้เพียง 30,000-35,000 บาทต่อปี หนำซํ้าลักษณะครัวเรือนในพื้นที่ยังเป็นครอบครัวขยาย บางบ้านมีสมาชิกกว่า 30 คน“ถ้าประชาชนยังยากจนและไม่ได้รับโอกาส ก็จะเป็นเงื่อนไขให้ประชาชนถูกปลุกระดมและไม่ไว้วางใจรัฐมากขึ้น ฉะนั้นรัฐจึงต้องสร้างโอกาส และประชาชนต้องได้รับโอกาส พออยู่พอกินทำมาหากินได้ ซึ่งถ้าทำสำเร็จ หลังจากปี 2553 รัฐจะเริ่มได้ใจประชาชน และสถานการณ์ความรุนแรงจะเบาลงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว”แหล่งข่าว ระบุ

(ติดตามอ่านต่อฉบับต่อไป)