ที่มา ไทยรัฐ
นโยบายใหม่แกะกล่องของรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม ครม.คือ ร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งกองทุนชราภาพ
หรือกองทุนการออมแห่งชาติ (ชื่ออย่างเป็นทางการ)
จุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือแรงงานนอกระบบ ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม พ่อค้าแม่ค้ารายย่อย และผู้ประกอบอาชีพอิสระ 24 ล้านคน ให้เข้าสู่ระบบการออมเงินเพื่ออนาคต โดยรัฐบาลจะช่วยจ่ายเงินสมทบอีกตามสมควร
เมื่อเข้าสู่วัยชราหมดแรงข้าวต้มที่จะทำมาหากินอย่างเดิม ก็จะได้รับบำเหน็จบำนาญพอเลี้ยงชีวิตต่อไปได้จนถึงวันสิ้นลม
ไม่ต้องแบมือขอเงินลูกหลานให้ ลำบากใจ
แบบเดียวกับที่ข้าราชการ และพนักงานบริษัท เมื่อเกษียณอายุแล้วจะได้เงินกองทุนบำนาญเลี้ยงชีพ ฉะนั้นแล
กติกาก็คือ ผู้ประกอบอาชีพอิสระที่สมัครเป็นสมาชิกกองทุนการออม จะต้องจ่ายเงินสะสมขั้นต่ำเดือนละ 100 บาท (แต่ไม่เกินเดือนละ 1,000 บาท) จนถึงอายุ 60 ปี
ผู้ที่มีอายุ 20-30 ปี รัฐบาลจะจ่ายเงินสมทบเดือนละ 50 บาท
อายุ 31-50 ปี รัฐบาลจ่ายสมทบให้เดือนละ 80 บาท
อายุ 50-60 ปี รัฐบาลจ่ายสมทบเพิ่มให้เดือนละ 100 บาท
เมื่ออายุครบ 60 ปี ก็จะมีสิทธิ์ได้รับเงินบำนาญจากเงินออมที่สะสมไว้ และจากเงินที่รัฐบาลจ่ายสมทบให้ตลอดอายุขัยของแต่ละคน
"แม่ลูกจันทร์" สนับสนุนนโยบายจัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติของรัฐบาล เพราะจะช่วยกระตุ้นให้คนไทยเห็นประโยชน์ของการออมเงินเพื่ออนาคตในระยะยาว
แต่ "แม่ลูกจันทร์" มีข้อห่วงใยฝากไว้ 3 ประเด็น
1, เมื่อรัฐบาลตั้งกองทุนการออมแห่งชาติขึ้นมาหมายความว่ารัฐบาลต้องมีภาระในการจ่ายเงินสมทบอีกปีละประมาณสองหมื่นล้านบาท (หรือมากขึ้น) ตลอดไป
2, อายุขัยเฉลี่ยของคนไทยที่สูงขึ้น หรือคนแก่จะตายช้าลง จะทำให้รัฐบาลต้องแบกภาระจ่ายเงินอัดฉีดมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
3, เงินออมของประชาชนที่เก็บได้แต่ละปีเป็นเงินก้อนใหญ่
ถ้ารัฐบาลจะเอาเงินก้อนนี้ไปลงทุนให้เกิดผลประโยชน์เพิ่มเติม ย่อมเป็นเรื่องที่ดี
แต่ระวังจะขาดทุนบานทะโร่ซ้ำรอยกอง ทุน กบข.นะตัวเอง??
นี่คือข้อห่วงใย 3 ประเด็น ที่ฝากให้ "นายกฯอภิสิทธิ์" ไปพิจารณาทบทวน
อ้อ...มีพ่วงอีกประเด็นที่ฝากให้ "อภิสิทธิ์" คิดเล่นๆแก้เซ็ง
เมื่อรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้ประชาชนวางแผนการออมเงินเพื่ออนาคตของตัวเอง
แต่รัฐบาลเองไม่เคยเป็นตัวอย่างที่ดีในการเก็บออม
รัฐบาลคิดแต่จะกู้เงินมาใช้ตะพึด ตะพือ
กู้แบบไม่บันยะบันยัง เหมือนเงินกู้เป็นเงินแจกฟรี
ฉายาประชาธิปัตย์ถนัดกู้คือใบเสร็จยืนยัน
ถนัดกู้แต่ไม่ถนัดใช้หนี้ ระวังหนี้จะท่วมประเทศไทย!!
ล่าสุด มีเสียงเตือนจากอธิบดีกรมบัญชีกลาง "พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์" ว่าการกู้เงิน
ก้อนโตมโหฬารในโครงการไทยเข้มแข็ง จะทำให้การคลังของประเทศอ่อนแอ
เพราะรัฐบาลจะมีภาระในการใช้หนี้เงิน กู้มากถึงหนึ่งแสนแปดหมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งจะทำให้ยอดการขาดดุลการคลังพุ่งกระฉูดถึง 7 เปอร์เซ็นต์
สัดส่วนหนี้สาธารณะจะแหกเพดานทะลุเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ ของจีดีพี
ขณะที่รายจ่ายประจำ (จากนโยบายประชานิยม) ก็บานทะโร่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
ถ้าภายใน 5 ปี รัฐบาลปรับโครงสร้างการคลัง (รายรับ-รายจ่าย) ให้สมดุลไม่ได้ก็จบกัน
"แม่ลูกจันทร์" ชื่นชมอธิบดีกรมบัญชีกลางที่กล้าออกมาขัดคอรัฐบาล
ข้าราชการที่ "กล้า" ขัดคอรัฐบาล สงสัยจะมีคนเดียว??
แม่ลูกจันทร์